ในทุกครั้งที่ตัดสินใจซื้อประกัน เราควรพิจารณาจากความจำเป็นของตัวเองเป็นหลัก แต่ทว่าหลายคนมักจะซื้อประกันทิ้งไว้ แล้วไม่ได้กลับมาดูความคุ้มครอง จนไม่รู้ว่าประกันที่มีอยู่จะช่วยดูแลในด้านไหนได้บ้าง ครอบคลุมเรื่องสุขภาพแล้วหรือยัง ช่วยเรื่องเงินออมสำหรับเกษียณไหม หรือจะจ่ายเงินชดเชยเพื่อดูแลคนข้างหลังได้เพียงพอหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราได้รับผลประโยชน์จากประกันที่ทำไว้ไม่ตรงตามความต้องการ โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่เราจำเป็นจะต้องใช้ผลประโยชน์จากประกันขึ้นมาจริง ๆ
วันนี้ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ ชวนทุกคนมาสำรวจ 4 พฤติกรรมที่ทำให้ประกันที่เรามีอยู่ คุ้มครองแต่อาจไม่ครอบคลุม ดังนี้
พอใกล้สิ้นปี คนวัยทำงานมักคิดซื้อประกันโดยมีจุดมุ่งหมายเรื่องการลดหย่อนภาษี จึงดูแค่ค่าเบี้ยประกันที่ต้องการใช้ลดหย่อน แต่ลืมดูรายละเอียดความคุ้มครองว่าครอบคลุมอะไรบ้าง หรือบางคนตั้งใจใช้สิทธิ์ลดหย่อนในปีนี้มากเกินไป เลือกซื้อประกันที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยต่อเนื่องหลายปี จนลืมนึกไปว่าในอนาคตจะสามารถจ่ายได้หรือไม่ ดังนั้น นอกจากการคำนวณรายได้ เพื่อให้รู้ถึงฐานภาษี ควรประเมินความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันในอนาคต และนึกถึงความคุ้มครองที่ต้องการด้วย เพราะจะทำให้สามารถใช้สิทธิ์ได้ครบถ้วน ทั้งในแง่การลดหย่อนภาษีและความคุ้มครองตามเงื่อนไขของประกัน
สำหรับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีเมื่อซื้อประกันมีดังนี้
ประกันคือตัวช่วยสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต การซื้อประกันเผื่อไว้หลายฉบับถือเป็นเรื่องดี แต่บางทีประกันที่มีก็อาจไม่พอดีกับชีวิต เพราะหากมีมากเกินไป ให้ความคุ้มครองเกินจำเป็น ซึ่งอาจมาพร้อมกับค่าเบี้ยประกันที่สูงมาก ก็จะทำให้เป็นภาระเกินไปในการหาเงินมาชำระค่าเบี้ยประกัน หรือ หากมีน้อยเกินไป ความคุ้มครองที่ได้รับก็ไม่ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น หลายคนอาจเลือกซื้อเฉพาะประกันโรคร้ายแรง แต่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพ พอเจ็บป่วยหาหมอก็เบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ ดังนั้น ควรสำรวจตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อประกันว่า ชีวิตในวันนี้ยังขาดความคุ้มครองเรื่องใดอยู่บ้าง เพื่อที่จะเติมเต็มและปิดความเสี่ยงให้ครบทุกด้านให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
การเตรียมพร้อมในวัยเกษียณเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วิเคราะห์ว่า คนไทยที่ออมเงินสำหรับเกษียณถึง 92.6% ไม่มั่นใจว่าจะมีเงินพอใช้เมื่อเกษียณ บางคนเตรียมความพร้อมหลังเกษียณด้วยการซื้อประกัน แต่ก็อาจไม่ตรงกับความต้องการจริง ๆ เช่น ซื้อประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ความคุ้มครอง 10 ปี โดยลืมคิดไปว่าจะได้เงินคืนก่อนวัยเกษียณ ก็อาจใช้เงินหมดก่อนเกษียณจริง ๆ
ดังนั้น ควรเตรียมความพร้อมให้พอดีกับชีวิตในวัยเกษียณ หากเตรียมตัวตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะช่วยให้มีเวลาในการวางแผนชีวิตวัยเกษียณและออมเงินได้นานขึ้น หรือบางคนที่มีการวางแผนเกษียณแล้ว ก็ควรลองสำรวจตัวเองดูอีกครั้ง ว่าจะมีเงินใช้ในวัยเกษียณมากพอตามที่ตั้งใจไว้แล้วหรือไม่
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พบว่า 56% ของประกันชีวิตในไทยเป็นแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งเป็นประกันที่เอาไว้เก็บเงิน จะให้ผลตอบแทนเป็นเงินก้อนเมื่อครบสัญญา แต่ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจะไม่สูงมากนัก ต่างจากประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิต อาจจะไม่มีผลตอบแทนเมื่อครบสัญญา แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างสัญญา คนข้างหลังของเราจะได้รับเงินก้อนใหญ่ตามเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์
ดังนั้น fintps by ttb จึงชวนให้ทุกคนกลับไปสำรวจประกันที่มีอยู่ ว่าตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตได้พอดีแล้วหรือยัง ซึ่ง "ความพอดี" ในวันนี้อาจแตกต่างจาก "ความพอดี" เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพราะพื้นฐานชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น สุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนเดิม จากที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพอาจจะต้องมองหาเพิ่ม หรือจากที่เคยใช้ชีวิตตัวคนเดียว ในวันนี้มีครอบครัว ประกันที่เคยซื้อไว้เพื่อลดหย่อนภาษี อาจไม่เพียงพอสำหรับการดูแลคนข้างหลัง หากเราต้องจากไปกะทันหัน หรือสำหรับคนที่เตรียมความพร้อมในวัยเกษียณ ได้วางแผนเกษียณไว้เพียงพอสำหรับใช้ชีวิตหลังวันเกษียณแล้วหรือยัง สิ่งสำคัญคือการอ่านรายละเอียดแต่ละกรมธรรม์ให้เข้าใจ เพื่อที่คุณจะได้เลือกประกันที่พอดีกับความต้องการที่แท้จริงของคุณ
สามารถหาข้อมูลความรู้ และเคล็ดลับทางการเงินดี ๆ เพิ่มเติมได้ เพื่อกำหนดเป้าหมาย และสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ ทั้งวันนี้และอนาคต ได้ที่ "fintips by ttb" เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ คลิก https://www.ttbbank.com/th/fintips-041
หรืออ่านบทความเต็มได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/fintips-4insurance
พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยได้รับความร่วมมือจากสองผู้นำในวงการการจัดงานแสดงสินค้า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมการพลาสติกและยาง แสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยมีผู้แสดงสินค้าชั้นนำจาก 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เยอรมนี อิตาลี จีน ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และ ไทย มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกและยางสู่ความยั่งยืน ด้วยโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
STGT รุกงานเอกซ์โประดับโลก ลุยตลาดเกาหลี อินเดีย เยอรมนี โชว์ศักยภาพผู้ผลิตถุงมือยางอันดับหนึ่งของไทยมาตรฐานระดับแถวหน้าของโลก
—
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประ...
ที ลีสซิ่ง ร่วมกับเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ พร้อมภาคีเครือข่าย เปิดงาน "ที ลีสซิ่ง เปื้อนยิ้ม เพิ่มห่วงใย ตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ ฟรี! ครั้งที่ 7"
—
นายมงคล เพีย...
พาราไดซ์ พาร์ค ผนึกพันธมิตร "ร้านปันกัน" โดย "มูลนิธิยุวพัฒน์" ร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน สนับสนุนพื้นที่จัดงาน ปล่อยของส่งน้องเรียน 2568 ครั้งที่ 5
—
เมื่อ "การศ...
วว.รับมอบประกาศนียบัตรร่วมจัดแสดงผลงานในงานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติเจนีวา ครั้งที่ 50
—
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาส...
วว.คว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทอง (Gold Medal) @ งานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติเจนีวา ครั้งที่ 50
—
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโน...
นักเรียนไทยคว้ารางวัลนำเสนอโครงงาน จากเวทีประชุมนานาชาตินักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ICYS 2025
—
นักเรียนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาส...
บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมงาน Sustainability Week Asia 2025 ครั้งที่ 4 ฉายวิสัยทัศน์ ตอกย้ำผู้นำพลังงานสะอาด ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero
—
นายนพเดช กรรณสูต ประธาน...
ธนาคารไทยพาณิชย์คว้าแชมป์ธนาคารแห่งปีต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน
—
ธนาคารไทยพาณิชย์ สร้างความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการครองตำแหน่ง "ธนาคารแห่งปี 2568" ตามการประกาศผลกา...