AH โชว์ผลงาน Qชิ้นส่วนยานยนต์/65 ทำนิวไฮ รายได้รวม 6,8ชิ้นส่วนยานยนต์5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ชิ้นส่วนยานยนต์9% และกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 4อุตสาหกรรมยานยนต์6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3ตัวแทนจำหน่าย% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลดีธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดีมานด์เพิ่ม ชู 3 ธุรกิจหลักฟื้นตัว อุตสาหกรรมยานยนต์เด่น-ออเดอร์โต ดันปริมาณการผลิตพุ่ง ส่องแนวโน้ม Qตัวแทนจำหน่าย/65 โตต่อ วางแผนเปิดศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ อีก ชิ้นส่วนยานยนต์ แห่ง เล็งเตรียมความพร้อมด้านทีมงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV รองรับเทรนด์ในอนาคต มั่นใจทั้งปี 65 รายได้โต 3อุตสาหกรรมยานยนต์% ตามแผน
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/65 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 6,815 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 1,076 ล้านบาท หรือเติบโต 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,739 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 406 ล้านบาท หรือเติบโต 32% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 308 ล้านบาท
โดยผลประกอบการไตรมาส 1/65 เติบโตดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการในระดับที่สูงและการคลี่คลายของปัญหาการขาดแคลนไมโครชิป ทำให้มีคำสั่งผลิต (Order) จากธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ฟื้นตัวได้ดี ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อ IoT ยังคงมีทิศทางที่ดี ซึ่งในปีนี้เริ่มมีออเดอร์เกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ GPS และอุปกรณ์ติดตามเข้ามามากขึ้น
ทั้งนี้แม้ว่าช่วงไตรมาส 2/65 มีช่วงสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาว ทำให้ไลน์การผลิตหยุดตามไปด้วย แต่โดยภาพรวมเชื่อว่าแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 2/65 น่าจะเติบโตนิวไฮต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 หลังจากบริษัทคาดว่าจะมีออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งอิงจากตัวเลขประเมินของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดผลิต 1.68 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 8 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน
ขณะที่ปัญหาขาดแคลนไมโครชิปทั่วโลก (Chip Shortage) สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มดีขึ้นแล้วตั้งแต่ในไตรมาส 1/65 และคาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนกลับสู่ภาวะปกติได้ในปี 66
ด้านต้นทุนราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นมานั้น บริษัทสามารถส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวไปกับลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งสัญญาเกือบทั้งหมดนั้น ทางลูกค้าจะเป็นผู้รับความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ส่วนของประเทศโปรตุเกสนั้น บริษัทสามารถส่งผ่านต้นทุนจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ให้กับลูกค้าได้ โดยใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนโดยเฉลี่ยเพื่อตกลงเรื่องรายละเอียดของต้นทุนส่วนที่เพิ่ม ทำให้บริษัทมีผลกระทบจากต้นทุนที่เกิดขึ้นจำกัด โดยยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ และคาดว่าราคาเหล็กจะกลับสู่ภาวะปกติหลังสงครามคลี่คลาย
ส่วนต้นทุนการขายและบริการเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของยอดขาย โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 71 ล้านบาท หรือ 11% แต่อย่างไรก็ดีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 11% โดยยังอยู่ภายในเป้าหมายอัตรากำไรชั้นต้นของบริษัทที่ 10-12% และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ 10% สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 7% เป็น 6% ในไตรมาส 1/65
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนเปิดศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถในช่วงครึ่งปีหลัง อีก 1 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมด้านทีมงาน สำหรับผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รองรับเทรนด์ในอนาคต หลังภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะมีปริมาณการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกช่องทางหนึ่ง
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 65 บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ 30% ตามแผน เมื่อเทียบกับปี 64 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,967 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์เสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตต่างๆ และปรับตัวและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันมุ่งเน้นเป้าหมายขึ้นแท่นเป็นบริษัทระดับสากล จากการมีฐานธุรกิจในหลากหลายประเทศทั่วโลก ควบคู่ไปกับสร้างความสัมพันธ์ของลูกค้ารับจ้างผลิต (OEM) และการมีชื่อเสียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยปัจจุบัน บริษัทมีตลาดในประเทศมาเลเซีย จีน ยุโรป โปรตุเกส และอินเดีย อีกทั้งจะเน้นการขยายธุรกิจ และสร้างการเติบโตให้มากขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ส่วนในประเทศไทยมีทิศทางที่ดี และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดงาน "Sourcing Day" เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมรับทราบนโยบายการจัดซื้อและเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ โดยได้รับเกียรติจากนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และนายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ร่วมเป็นประธานในพิธี
KP EV Store ศูนย์รวมอุปกรณ์รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์คนไทย มาตรฐานเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ออกแบบทันสมัยตอบโจทย์เทรนด์ของลูกค้ายุคปัจจุบัน
—
KP EV Store ผู้ออกแบบ...
AH โชว์ผลงาน 3Q23 แกร่ง สวนอุตสาหกรรม กำไรสุทธิหลักทะลุ 430 ลบ.-รายได้รวมเกือบ 7,800 ลบ.
—
AH โชว์ผลงาน 3Q23 แกร่ง กำไรสุทธิหลัก 432 ล้านบาท รายได้รวมโตแต...
AH คิกออฟ 2 โรงงานระบบคุมไอเสียแห่งใหม่ "มาเลฯ-ไทย" กำลังการผลิตรวมกว่า 7 แสนชิ้น/ปี เสริมทัพแกร่ง
—
บมจ.อาปิโก ไฮเทค ภายใต้กิจการร่วมทุน "พูเรม อาปิโก" ค...
finbiz by ttb แนะ 9 เคล็ดลับให้ธุรกิจพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง และเติบโตอย่างยั่งยืน
—
ในยุคที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งด้วยนวัตกรรมที่...
Siam Motors Group ผนึกกำลัง WhatsEGG รุกตลาดขายชิ้นส่วนยานยนต์ออนไลน์แบบ B2B
—
'Siam Motors Group' ผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมากว่า 7 ทศวรรษ เดินหน้าร...
ทีทีบี ติดอาวุธให้ลูกค้าธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน กับความสำเร็จหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่นที่ 1
—
ทีทีบี ติดอาวุธให้ลูกค้าธุรกิจเติบโต...
ทีทีบี จัดหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่น 18 สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจยุคดิจิทัล สู่ความยั่งยืน
—
ทีเอ็มบีธนช...
"ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TATG)" ผู้ผลิตแม่พิมพ์โลหะ และชิ้นส่วนยานยนต์ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น จ่อเทรดใน SET
—
บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย ...