นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าแสนสิริ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามแผนการดำเนินงาน "SANSIRI STEP BEYOND" เติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT - PEOPLE - PLANET มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ตามที่ได้วางไว้ ส่งผลให้มียอดขายในช่วง 4 เดือน ทะลุ 10,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท คิดเป็น 70% และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม อีก 3,100 ล้านบาท หรือ 30% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริได้รับการตอบรับมากที่สุด รองลงมา คือไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่แบรนด์ XT และทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ สิริ เพลส ดรีม เดสติเนชัน สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริที่มีดีมานด์ครอบคลุมในทุกระดับราคา ทั้งบ้านเดี่ยวระดับบน คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และแบรนด์ทาวน์โฮมระดับราคาเข้าถึงง่าย สิริ เพลส ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการมีบ้านหลังแรก
"แสนสิริมั่นใจว่า จะสร้างผลงานยอดขายได้ 35,000 ตามเป้าหมายที่วางไว้ เติบโตขึ้น 34% โดยในครึ่งปีหลังแสนสิริจะมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 65 แสนสิริสามารถทำรายได้รวมได้ถึง 5,220 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 4,288 ล้านบาทซึ่งมาจากการโอนโครงการแนวราบถึง 80% และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 20% โดยรายได้จากการขายโครงการมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ โกยรายได้ 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน โครงการ อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการอณาสิริ รังสิต โกยแชมป์รายได้สูงสุด ทั้งนี้ รายได้จากการตอบรับโอนที่อยู่อาศัยจากกลุ่มลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ตอกย้ำถึง Real Demand และส่งผลให้แสนสิริมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการ" นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มดีขึ้น การผ่อนคลายของมาตรการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดี ยังส่งผลให้แสนสิริมีรายได้ค่าบริหารโรงแรมจากจากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 62% ในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีอิทธิพลที่สุดในธุรกิจบูทีคโฮเต็ล ที่สร้างเสียงชื่นชมทั้งในนิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลก สร้างรายได้จากการบริหารโรงแรมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อีก 106 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ 11โครงการ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท โดยล่าสุดแสนสิริได้ตัวโครงการ "อณาสิริ รามคำแหง" มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท สานต่อความสำเร็จของแบรนด์ "อณาสิริ" ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีมากในปีที่ผ่านมาจนถึง เพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลาย บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียว ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัย Feel Just Right "ความพอดีที่ลงตัว" โครงการล่าสุด อณาสิริ รามคำแหง "สีสันของความพอดี ในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน" ดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีในโครงการของแสนสิริมาก่อน ให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีสีสันในบ้านที่พอดีกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัวกับทุกคนในครอบครัว เปิดต้อนรับด้วยบรรยากาศอบอุ่นและสดใสในพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกถ่ายทอดผ่านดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองตากอากาศในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมครั้งแรกของแสนสิริ บนทำเลแห่งอนาคต รามคำแหง - กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เพียง 10 นาที ถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และมอเตอร์เวย์ เดินทางสะดวกเชื่อมต่อเมืองรวดเร็วด้วย 4 ถนนสายหลัก ได้แก่ รามคำแหง, กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่, ร่มเกล้า และเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านครบประกอบด้วย บ้านแฝดและทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่จำนวน 272 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 99 - 148 ตารางเมตร กับ 4 แบบบ้าน 4 ฟังก์ชัน รองรับการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบความต้องการ ในราคาจับต้องง่าย 3.69 - 8 ล้านบาท ข้อมูลโครงการเพิ่มเติม http://siri.ly/5Iy5fR5 รวมถึงโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมในไตรมาส 2 ซึ่งการดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่วางไว้จะทำให้แสนสิริสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายยอดขาย - ยอดโอน 35,000 ล้านบาท ตามที่วางไว้" นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ จากศักยภาพของทำเล "กรุงเทพกรีฑา" ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จากการเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพ แวดล้อมด้วยไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดี ทั้งโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ โรงพยาบาลชั้นนำ และคอมมูนิตี้มอลล์ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสู่การเป็นเมืองเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด รวมทั้งยังเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก ด้วยเส้นทางคมนาคมที่หลากหลายและเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจได้โดยง่าย ด้วยเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ทั้งถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ขนาด 6 เลน เชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเข้าสู่เมือง อาทิ ถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ถนนพระรามเก้า - มอเตอร์เวย์, ถนนพัฒนาการ และถนนหัวหมาก รวมทั้งรถไฟฟ้าอีก 3 สาย ทั้งแอร์พอร์ตเรลลิงค์ เส้นทางพญาไท - สุวรรณภูมิ ที่เดินทางเข้าสู่ CBD ได้อย่างรวดเร็ว และโครงการรถไฟฟ้าที่จ่อคิวเปิดให้บริการในอนาคตอีก 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยแสนสิริได้พัฒนาสังคมที่อยู่อาศัยคุณภาพในทำเลนี้มาแล้ว 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท ในทำเลดีที่สุดของกรุงเทพกรีฑา ที่มีความโดดเด่นของพื้นที่โครงการ เชื่อมต่อถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) และ รามคำแหง และ เข้าออกโครงการได้ถึง 2 เส้นทาง รวมทั้งมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมในปีนี้ โดยล่าสุด พันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ยังได้ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกันจากการมองเห็นศักยภาพของการพัฒนาเมืองในทำเลนี้ หลังจากประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันในก่อนหน้านี้มาแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit