วว. โชว์งานบริการชีวภัณฑ์แบบครบวงจร มุ่งรองรับอุตสาหกรรมการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ @ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565

04 Aug 2022
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการมุ่งเน้นวิจัยและพัฒนาด้านเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วนของประเทศ ผ่านการดำเนินงานโดย ICPIM 2 หรือ ศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร 2 ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. มีสายการผลิต "สารชีวภัณฑ์" ครอบคลุมตอบโจทย์ทั้งสายการผลิตเชื้อราและแบคทีเรีย ที่เป็นประโยชน์ทั้งระบบการผลิตพืช มีประสิทธิภาพควบคุมศัตรูพืช ปศุสัตว์ และประมง โดยมีกำลังการผลิตรวมต่อปี 115,000 ลิตร เพื่อการขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมของประเทศให้ยั่งยืนวว. นำผลงานบริการชีวภัณฑ์แบบครบวงจรร่วมแสดงนิทรรศการภายใต้ Theme "สารชีวภัณฑ์ วว. ยกระดับผลผลิตการเกษตร พัฒนาเชิงพื้นที่ด้วย วทน." ที่สามารถรองรับอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 (Thailand Research Expo 2022) ซึ่ง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2565 ณ บูธ EL 5 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นเวทีระดับชาติในการนำเสนอความก้าวหน้าผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์และเผยแพร่องค์ความรู้ กระจายโอกาสการเข้าถึงฐานข้อมูลความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ โดยนำเสนอภารกิจ ความเชี่ยวชาญ งานบริการชีวภัณฑ์แบบครบวงจร ในรูปแบบนิทรรศการ On ground และ Online ศ .(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของการใช้สารชีวภัณฑ์ต่อภาคเกษตรกรรม คือ เป็นการยกระดับผลิตผลทางการเกษตรในการรองรับนโยบายของรัฐบาล มุ่งสู่ระบบการผลิตพืชปลอดภัย และระบบการผลิตพืชอินทรีย์ เพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตร ลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ลดการตกค้างของสารเคมีในพืชผลการเกษตร ปลอดภัยทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรไทย"...การดำเนินงานด้านชีวภัณฑ์ของ วว. มีจุดแข็ง คือ มีโครงสร้างพื้นฐานโรงงาน ICPIM 2 ที่มีศักยภาพตอบโจทย์ให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทย ในการให้บริการครบวงจรทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์จุลินทรีย์ใหม่ๆ ในระดับห้องปฏิบัติการ และทดสอบกระบวนการผลิต ขยายจุลินทรีย์ในระดับกึ่งอุตสาหกรรม สามารถผลิตสารชีวภัณฑ์ได้จำนวน 3 รูปแบบ คือ หัวเชื้อเหลว หัวเชื้อน้ำ และหัวเชื้อผง ในส่วนของบรรจุภัณฑ์มี 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ชีวภัณฑ์ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพัฒนาถังหมักระดับชุมชนที่สามารถตอบโจทย์เกษตรกร ผู้ประกอบการ ในการขยายชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานให้เพียงพอกับการใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรม..." ผู้ว่าการ วว. กล่าวการดำเนินงานด้านสารชีวภัณฑ์ของ วว. มีการบูรณาการของหน่วยงานในสังกัดครอบคลุมและรองรับงานด้านชีวภัณฑ์ครบวงจร พร้อมให้บริการรองรับงานวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตจุลินทรีย์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและระดับอุตสาหกรรม ได้แก่ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านการดำเนินงาน โดย ศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม : ICPIM 1 ให้บริการประเมินความปลอดภัยของสารชีวภัณฑ์ ตาม Guidelines for the registration of pesticides (FAO/WHO, 2010) ครบทุกการทดสอบแห่งเดียวในประเทศไทย ศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลันทางปาก/ผิวหนังในหนู ศึกษาการก่อระคายเคือง การกัดกร่อนแบบเฉียบพลันต่อผิวหนังในกระต่าย ศึกษาการก่อระคายเคือง การกัดกร่อนแบบเฉียบพลันต่อดวงตาในกระต่าย ศึกษาภาวะภูมิไวเกินทางผิวหนังในหนูตะเภา ศึกษาพิษเฉียบพลันทางการสูดดม
วว. โชว์งานบริการชีวภัณฑ์แบบครบวงจร มุ่งรองรับอุตสาหกรรมการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ @ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565

ศูนย์จุลินทรีย์

(Biobank) เก็บรวบรวมสายพันธุ์จุลินทรีย์ 10,000 สายพันธุ์ ให้บริการการจำแนกสายพันธุ์จุลินทรีย์ และตรวจสอบ/ควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ ผ่านการดำเนินงาน โดย ศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม : ICPIM 2 มีภารกิจให้บริการโรงงานต้นแบบผลิตสารชีวภัณฑ์และห้องปฏิบัติการด้านสารชีวภัณฑ์บริการผลิตชีวภัณฑ์ มุ่งเน้นวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์สายพันธุ์ใหม่ วิจัยและพัฒนารูปแบบชีวภัณฑ์ สนับสนุนงานวิจัยพัฒนาเชิงพื้นที่ พัฒนาบุคลากรรองรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมชีวภาพศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานตาม OECD GLP GUIDLINE ในการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบความเป็นพิษของจุลินทรีย์จุดเด่นของสารชีวภัณฑ์ที่ วว. ผลิต 1.ผ่านการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช2.มีการทดสอบความเป็นพิษในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ตามหลัก OECD GLP GUILDLINE 3.ผ่านการผลิตในโรงงานด้วยเครื่องจักรระดับกึ่งอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน กระบวนการผลิตสะอาด ปราศจากเชื้ออื่นปนเปื้อนนอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานด้านชีวภัณฑ์ โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รับน้องๆในระดับอุดมศึกษามาเรียนรู้ ฝึกงาน รวมถึงทำวิจัยในด้านต่างๆ ของการพัฒนางานด้านชีวภัณฑ์ ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการ โรงงาน และภาคสนาม เพื่อเป็นแรงงานรองรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมเกษตรและชีวภาพต่อไปในอนาคตจากการที่ วว. นำสารชีวภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์ ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินงานจำนวน 33.3418 ล้านบาท ดังนี้ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานพื้นที่ "กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด" รวมจำนวน 1.3 ล้านลิตร เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมีทางการเกษตร ลดสารพิษตกค้าง เพิ่มความปลอดภัย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรผู้ใช้ ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และลดการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารชีวภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และอยุธยา ครอบคลุม 4 กลุ่มพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้ผล พืชไร่ (ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง) พืชสมุนไพรและพืชผัก รวมทั้งได้พัฒนากระบวนการขยายชีวภัณฑ์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และระดับชุมชนนอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมดำเนิน โครงการภายใต้แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใน "โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตก ด้วย BCG โมเดล" ของปีงบประมาณ 2564 จากการดำเนินงานส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้ มีเกษตรกรกว่า 200 ราย นำเทคโนโลยีไปใช้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการพัฒนาปัจจัยการผลิตหมุนเวียนสำหรับเกษตรกรแปลงใหญ่เพิ่มขึ้นได้ 5 ปัจจัยการผลิต จำนวน 6 เทคโนโลยี ดังนี้ เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการหน่อไม้ฝรั่งเพื่อการส่งออก เทคโนโลยีการผลิตข้าวเสริมซีลีเนียม เทคโนโลยีการพัฒนาวัสดุเพาะเห็ด (ฟางข้าวเสริมซีลีเนียม กากมันสำปะหลัง) เทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพผลผลิตอ้อยด้วยปุ๋ยอินทรีย์เคมีเสริมจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต เทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพและเพิ่มผลผลิตพืซด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโต (มันสำปะหลัง กล้วย) และเทคโนโลยีขยายชีวภัณฑ์ในถังชุมชนโมเดล วว.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร โดยมีเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และบริษัท รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต functional food และบรรจุภัณฑ์มีผู้ประกอบการร่วมลงทุนด้าน R&D ภายใต้ BCG Modelเกิดต้นแบบผลิตภัณฑ์ functional food และเวชสำอาง จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ และต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ต้นแบบ "...จากการดำเนินงานของ วว. พบว่าประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของการใช้สารชีวภัณฑ์ซึ่งมีต่อภาคเกษตรกรรม คือ เป็นการยกระดับผลิตผลทางการเกษตรในการรองรับนโยบายของรัฐบาล มุ่งสู่ระบบการผลิตพืชปลอดภัย และระบบการผลิตพืชอินทรีย์ เพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตร ลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ลดการตกค้างของสารเคมีในพืชผลการเกษตร ปลอดภัยทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรไทย..." ศ.(วิจัย)ดร.ชุติมา เอี่ยวโชติชวลิต กล่าวสรุปสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ "สารชีวภัณฑ์" หรือขอรับบริการจากศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. (ติดต่อ ICPIM 2) ได้ที่ โทร. 0 2577 9016, 02-577 9021 โทรสาร 0 2577 9009 E-mail : [email protected]

HTML::image(