กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี เดินหน้า "โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง"

สธ. จับมือ รพ.ในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี เดินหน้าสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนไฟเซอร์เชิงรุกใน "โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง" ด้วยระบบการขนส่งที่มีเทคโนโลยี และระบบติดตามการควบคุมอุณหภูมิ 2-8 องศา ตลอดเส้นทาง ช่วยรักษาคุณภาพของวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์จิตอาสาให้บริการถึงโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับการฉีดที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาฉีดในเมือง สร้างความอุ่นใจ ปลอดภัยจากโควิดให้กับน้องๆ เยาวชน ก่อนเปิดเทอม โดยนำร่องฉีดนักเรียนกว่า 5,เครือบีดีเอ็มเอสเครือบีดีเอ็มเอสเครือบีดีเอ็มเอส คน ใน5 โรงเรียน อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี เดินหน้า "โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง"

นายแพทย์ ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายแพทย์ เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี นายแพทย์ นิวัติ อินทรวิเชียร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ และนายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมเยี่ยมชมความพร้อมและให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์ใน "โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง" ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนในพื้นที่นำร่องจังหวัดปทุมธานี

นายแพทย์ เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี กล่าวว่า "กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเร่งการกระจายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 ให้เข้าถึงประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยการฉีดวัคซีนครั้งนี้ เป็นการจัดฉีดวัคซีนถึงในโรงเรียน นักเรียนไม่ต้องเดินทางไปฉีดในเมือง หรือไปฉีดที่โรงพยาบาลลำลูกกา ซึ่งมีพื้นที่จำกัด โดยได้จัดให้บริการแก่นักเรียนกว่า 5,000 คน ใน 5 โรงเรียนขนาดใหญ่ของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา ซึ่งเริ่มทยอยฉีดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เป็นต้นมา ต้องขอขอบคุณภาคเอกชน ทั้งโรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี รวมถึงทีมงานสนับสนุนทุกฝ่าย ที่ร่วมกันจัดการฉีดวัคซีนครั้งนี้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมไม้ ร่วมมือ ความเสียสละ และความเชี่ยวชาญ ของทีมแพทย์พยาบาล รวมถึงต้องมีเทคโนโลยีการขนส่ง และการจัดเก็บที่สามารถควบคุมคุณภาพของวัคซีน เพื่อให้เด็กได้รับการฉีดอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว

นายแพทย์ นิวัติ อินทรวิเชียร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า "โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมเป็นทีมจิตอาสาในการจัดทีมฉีดวัคซีนมาสนับสนุนทีมหลักของ สธ. ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยจัดทีมทั้งพยาบาลและเภสัชกรเข้าร่วมสนับสนุนการฉีดวีคซีนในโครงการนี้"

นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า กล่าวว่า "เอสซีจี เห็นถึงความสำคัญของเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียนที่มีอายุ 12 ปี ขึ้นไป เพื่อช่วยลดความกังวล สร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครองและครู ก่อนเปิดภาคเรียน และสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโควิดได้อย่างปลอดภัย เอสซีจีจึงได้สนับสนุนรถขนส่งวัคซีนของบริษัทเอสซีจีโลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งการขนส่งวัคซีนไฟเซอร์นั้น ต้องอาศัยรถที่มีระบบควบคุมความเย็นให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถยังคงประสิทธิภาพของวัคซีนให้คงที่ และสามารถจัดเก็บได้นานถึง 1 เดือน ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและสามารถกระจายส่งวัคซีนไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ช่วยสร้างความอุ่นใจ ปลอดภัยให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง และครู ในการที่ไม่ต้องเดินทางเข้ามาฉีดในเมือง"

รถขนส่งของบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ มีระบบเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ (Real time Temperature traceability System) ที่ติดตั้งไว้บนตัวรถ หากอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง หรือสูงกว่าที่กำหนด ข้อมูลแจ้งเตือนทันทีที่ศูนย์ Command Center สำหรับการขนส่งวัคซีนครั้งนี้ จะควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 2 - 8 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลาการขนส่ง และได้รับมาตรฐานสากลความสะอาด ปลอดการปนเปื้อน สำหรับสินค้าด้านอาหารและยารักษาโรคจาก GMP GHP และ BRC นอกจากการขนส่งจะช่วยยังคงคุณภาพและประสิทธิภาพของวัคซีนแล้ว ยังสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทั่วประเทศ รวมถึงในพื้นที่ห่างไกลและเข้าถึงได้ยากได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกขนาดรถทั้งเล็กและใหญ่ได้ตามเหมาะสม


ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+เครือบีดีเอ็มเอสวันนี้

สธ. ลงพื้นที่เฝ้าระวังสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม จากสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่

วานนี้ (20 เมษายน 2568) ดร.นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พลโทณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย ดร.นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และหน่วยงานในพื้นที่ เฝ้าระวังสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ดำเนินการเฝ้าระวังประเด็นการปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำ

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระท... 'เดชอิศม์' ระดมทันตแพทย์ มอบฟันเทียม 45,000 รายทั่วประเทศ เป็นของขวัญวันผู้สูงอายุ — นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกระ...

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตอกย้ำความสำคั... กรมอนามัย ย้ำ น้ำประปาที่ผ่านกระบวนการผลิตได้มาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดภัย — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตอกย้ำความสำคัญของน้ำประปาที่มีคุณภาพต่อสุขภาพของประ...

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระท... สธ. แนะ 4 วิธี 'ปลอดโรค ปลอดภัย สุขอนามัยดี' เตรียมพร้อมก่อนเที่ยวสงกรานต์ — นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์...