ณ การประชุม Ultra-Broadband Forum (UBBF) ครั้งที่ 7 Kevin Hu ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์การสื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ 4 อย่างของ Intelligent Cloud-Network Solution ของหัวเว่ย และเราเตอร์อัจฉริยะซีรีส์ NetEngine สำหรับทุกสถานการณ์ ให้ประสิทธิภาพบริการการบรรจบกันของคลาวด์และเครือข่ายที่แตกต่างและเพิ่มความเร็วการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรม
การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลกลายเป็นแนวโน้มการพัฒนาทั่วโลก โดยมีกว่า 50 ประเทศและภูมิภาค รวมถึง จีน ตะวันออกกลาง และสหภาพยุโรป (EU) ต่างเปิดเผยกลยุทธ์ดิจิทัลของตนเองแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมากในไลฟ์สไตล์ การผลิต และการกำกับดูแลของทุกคน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร
คุณ Hu กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลก็ยกระดับความสะดวกสบายและการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และยังเป็นความท้าทายต่าง ๆ ต่อเครือข่ายเดิมที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น พื้นที่ที่จำกัดภายในห้องอุปกรณ์ร่วม ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับโหนดที่มีอยู่เดิมที่จะให้ความสามารถด้านการประมวลผลบริการที่ครอบคลุม นอกจากนี้ ความสัมพันธ์สู่ปลายทางระหว่างทรัพยากรและเครือข่าย ยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดตารางทราฟฟิกกระหว่าง DC อย่างยืดหยุ่น กล่าวคือ การดำเนินการบริการไฮบริดเครือข่ายเดิมที่มีอยู่ไม่พร้อมที่จะตอบสนองข้อกำหนดบริการที่แตกต่างในปัจจุบัน
เพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายที่ลูกค้าต้องเจอในระหว่างการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล หัวเว่ยได้เปิดตัวความสามารถใหม่ 4 อย่างของ Intelligent Cloud-Network Solution ได้แก่ Super edge CO ครบวงจร, Hard slicing ระดับผู้เช่า, ความสามารถในการตั้งโปรแกรมเครือข่ายที่ขับเคลื่อนโดย SRv6 และการบรรจบกันของคลาวด์และเครือข่าย โซลูชันนี้สร้างมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ให้กับทรัพยากรเครือข่ายของผู้ปฏิบัติงานและข้อได้เปรียบต่าง ๆ ของคลาวด์และเครือข่าย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสร้างสถาปัตยกรรมบริการ DICT ที่ประกอบด้วยเครือข่ายคลาวด์ครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถใหม่ 4 อย่างนี้ให้ข้อดีดังต่อไปนี้
- Super edge CO แบบครบวงจร: อุปกรณ์รุ่น NetEngine 8000 M ให้ความสามารถด้านประมวลผลหลายบริการที่ก่อนหน้านี้ต้องใช้อุปกรณ์ที่ต่างกัน เช่น BRAS, CGN, IPsec และ SR ในแง่นี้ CO สามารถให้บริการสำหรับที่บ้าน มือถือ และผู้ใช้ระดับองค์กร การเปิดพื้นที่การเติบโตของธุรกิจใหม่ขณะเดียวกันก็ลดการเกิด TCO จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเช่าห้องอุปกรณ์และค่าไฟ และที่สำคัญที่สุดคือการยกระดับความสามารถบริการเครือข่าย FMC
- Hard slicing ระดับผู้เช่า: เราเตอร์การเข้าถึงอัจฉริยะซีรีส์ NetEngine A800 ให้ข้อได้เปรียบของจำนวน slicing ตัวอย่างเช่น ให้ประเภทบริการที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็รับประกันการแยกส่วนระดับกายภาพระหว่างบริการต่าง ๆ และ SLA ของบริการที่กำหนด รองรับการทำ hierarchical slicing ระดับผู้เช่า ซึ่งสามารถใช้ได้กับบริการและแอปพลิเคชันกว่า 1000 รายการ รับรองความปลอดภัยของบริการที่ยกระดับขึ้น และเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้เป็น 2 เท่า ส่วน Elastic slice แบบปรับขนาดได้และการขยายความสามารถไดนามิกที่ไม่มีการสูญเสียในระดับนาที ก็ช่วยให้ทรัพยากรเครือข่ายสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ทำให้ทรัพยากรเครือข่ายสูญเปล่า และยกระดับการใช้แบนด์วิดท์ได้กว่า 30% "ความสามารถหนึ่งกล่องสำหรับบริการที่หลากหลาย" ช่วยให้เครือข่ายองค์กรใช้งานง่ายขึ้นอย่างมากและลด TCO ลงได้ 40%
- ความสามารถในการตั้งโปรแกรมเครือข่ายที่ขับเคลื่อนโดย SRv6: มีการใช้ห่วงโซ่บริการ SRv6 เพื่อให้การตั้งโปรแกรมเครือข่ายที่ยืดหยุ่นตามบริการ ให้การควบคุมบริการต่าง ๆ อย่างครบวงจร และให้ประเภทบริการมูลค่าเพิ่ม นโยบาย SRv6 รองรับการเลือกเส้นทางแบบเรียลไทม์, ความหน่วงที่เหมาะสม และรับประกันประสบการณ์ที่แตกต่าง องค์กรต่าง ๆ สามารถเข้าถึงคลาวด์ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวและภายในวันเดียว เพิ่มความเร็วในการจัดเตรียมบริการขึ้นอย่างมหาศาล
- การบรรจบกันของคลาวด์และเครือข่าย: Network as a Service (NaaS) คือจุดเด่น ด้วย API ที่ใช้งานง่ายขึ้นด้วยคลาวด์ การรวมโหลดงานของโดเมน OSS และ BSS เข้าด้วยกันลดลงกว่า 80% มีคลาวด์ SP กว่า 10 รายการที่รวมไว้ล่วงหน้า และผู้ให้บริการโดเมน OSS/BSS กว่า 20 รายเชื่อมต่อถึงกัน ด้วยวิธีนี้ บริการเครือข่ายคลาวด์พร้อมสถานะเครือข่ายที่กว้างสามารถจัดสรรให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปรับบริการให้ยืดหยุ่นได้เพื่อให้ตัวเลือก DICT ที่แตกต่าง
นอกจากนี้ในงานประชุม Kevin Hu ยังได้เปิดตัวเราเตอร์อัจฉริยะตระกูล NetEngine สำหรับทุกสถานการณ์ด้วย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสร้างเครือข่ายคลาวด์อัจฉริยะในยุคดิจิทัล อุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเราเตอร์การเข้าถึงคลาวด์อัจฉริยะ (ซีรีส์ NetEngine A800) เราเตอร์สำหรับทุกบริการ (ซีรีส์ NetEngine 8000 M) และเราเตอร์หลักอัจฉริยะ (NetEngine 8000 X16)
ในกระแสดิจิทัลปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ทั่วโลก การบรรจบกันของคลาวด์และเครือข่ายกำลังพัฒนาและวิวัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็วตามเวลา เป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคสำหรับผู้ปฏิบัติงานและหัวเว่ย ในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงทำงานร่วมกับผู้ปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขความท้าทายเหล่านี้และสร้างเครือข่ายคลาวด์อัจฉริยะ IPv6+ ด้วยความพยายามที่จะเพิ่มแนวโน้มใหม่เข้าในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรม
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1664589/Image1.jpg
คำบรรยายภาพ - Kevin Hu ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์การสื่อสารข้อมูลของหัวเว่ยกล่าวคำปราศรัยครั้งสำคัญ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit