ถ้าใครสักคนพูดถึงเรื่องการบริหารเงิน ต้องมีคนพูดว่า ออมเงินสดดีกว่า เพราะปลอดภัยมากที่สุด มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และเป็นการวางแผนการเงินที่ให้ผลตอบแทนชัวร์ๆ ที่แน่ ๆ
การออมเงินคือพื้นฐานของการจัดการทางการเงินในอนาคต เพราะก่อนจะลงทุนในสินทรัพย์ใด ทุกคนต้องมีเงินฝากกันมาแล้วทั้งนั้นทุกวันนี้เราจะพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการออมเงินเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี และเชื่อว่าการออมเงินจะเป็นภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี ช่วยให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ยิ่งต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางรายได้จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินในระยะยาวกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยในปีที่ผ่านมาคนไทย 74.7% บอกว่าตัวเองมีเงินออม และยังมีความมั่นใจในการตัดสินใจทางการเงินด้วยตนเอง เรียกว่ามีความกระตือรือร้น ฉลาดออม และมีแนวโน้มที่จะออมเงินกันมากขึ้น แต่ในทางกลับกันพบว่ามีเพียง 38% ในกลุ่มพวกเขาเหล่านั้นที่มีเงินออมเผื่อฉุกเฉินเพียงพอหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น และมีเพียง 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่วางแผนเงินเพื่อเกษียณแล้วประสบความสำเร็จจริงๆตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรกับเรา สถิตินี้กำลังแสดงให้เห็นว่า ปริมาณคนที่ออมเงินมีมากขึ้น (แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ควร) และเห็นความสำคัญของการออมมากขึ้น ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าคนๆ นั้นจะมีเงินออมเพียงพอกับเมื่อต้องใช้เงินในยามฉุกเฉิน แถมยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะบรรลุเป้าหมายที่จะมีเงินเก็บในอนาคต หรือไม่รู้เลยว่าจะมีเงินไว้ใช้ตอนแก่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่อีกด้วยแล้วทำไมเราถึงไม่สามารถออมเงินอย่างมีประสิทธิภาพได้สักที คงต้องย้อนไปดูคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเราที่สามารถมีเก็บเงินก้อนโตเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้เสมอ และยืนยาวจนถึงชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งเคล็ดลับก็อยู่ที่
วินัยนั่นเอง พวกท่านจะ "เก็บเล็กผสมน้อย" สะสมเงินอย่างสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร ไม่เร่งรีบ และพวกท่านยังเลือกที่จะ "เก็บไปยาวๆ" ด้วยการเลือกฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยสูง นั่นทำให้เงินที่เก็บไว้จะงอกเงยขึ้นมาเรื่อย ๆ ยิ่งการเห็นยอดเงินที่เพิ่มสูงขึ้นก็ยิ่งมีกำลังใจจะเก็บเงินต่อไปเรื่อย ๆแต่สำหรับคนรุ่นใหม่ หลายคนไม่มีเงินเก็บทั้งที่มีรายได้สูงกว่ารุ่นพ่อแม่ ส่วนหนึ่งมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งยังอยู่ในยุคบริโภคนิยม จึงรู้สึกสนุกกับการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ เงินที่ได้รับมา สุดท้ายก็ไหลออกจากกระเป๋าเพราะวลีเด็ด "ของมันต้องมี" เลยส่งผลให้วิถีการออมเงินนั้นสะดุดหยุดลงทุกครั้งไปด้วยเช่นกันปัญหาที่คนรุ่นนี้ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็น "ฉันก็เก็บมาเรื่อย ๆ นะ แต่มีเรื่องต้องเอาเงินออกมาใช้ตลอด ยอดเงินฝากเลยไม่ขยับขึ้นไปสักที" หรือ "เก็บเงินก็เหมือนออกกำลังกาย ทุกครั้งที่ตั้งใจจะทำ มักจะมีข้ออ้างให้ (เอาเงิน) ไปทำอย่างอื่นก่อนทุกครั้ง" ถ้าพิจารณาดีๆ ทุกคำกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักออมสมัยนี้ยังขาดวินัย และยังไม่เจอเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยแก้ปัญหาและเหมาะสมกับตัวเขาจริงๆ แต่ในยุคดิจิทัลเช่นนี้ ก็มีเครื่องมือดีๆ มาช่วยให้คนไทยได้ออมเงินกันแบบชาญฉลาด ไม่ใช่แค่ช่วยเก็บเงิน แต่มีลูกเล่นที่จะมาช่วยสร้างวินัยในการเก็บเงินให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือตามแผนที่ชัดเจนที่จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในอนาคต ไม่ว่าจะ ซื้อรถ ซื้อบ้าน เก็บเป็นทุนการศึกษาให้ลูก หรือแม้แต่เรื่องธรรมดาที่แสนพิเศษอย่าง เก็บเงินไปเที่ยว ซื้อของขวัญสุดหรูให้คุณพ่อคุณแม่ในวันเกิดของท่านและไม่ว่านักออมจะมีเป้าหมายว่าจะต้องเก็บเงินไปเพื่อสิ่งใด หนึ่งในเครื่องมือที่น่าจับตามากที่สุดในตอนนี้ ก็คือแอปพลิเคชัน Kept by krungsri ที่เข้ามาช่วยทำให้การออมเป็นเรื่องง่ายและสำเร็จได้จริง ซึ่งนวัตกรรมบริหารการเงินแพลตฟอร์มใหม่ในรูปแบบแอปพลิเคชันนี้ กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้ช่วยออมเงินให้เป็นไปได้จริงและสำเร็จตามเป้าหมาย สามารถชนะใจนักออมหน้าใหม่ได้ จนมีจำนวนบัญชีมากกว่า 500,000 บัญชีและมียอดเงินฝากเติบโตถึง 100% เลยทีเดียวทำไมคนจึงหันมาออมเงินผ่านเครื่องมือนี้กันมากขึ้น อันดับแรกคงเพราะโมบายแบงกิ้งมีอิทธิพลต่อการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น สอดคล้องกับสถิติคนไทยมีอัตราการใช้โมบายแบงกิ้งเป็นอันดับหนึ่งของโลก เลยทำให้คนหันมาใช้แอปพลิเคชันทางการเงินมากขึ้นไปด้วย แล้วยิ่งได้เจอเครื่องมือดิจิทัลที่มีระบบการจัดการการเงินชาญฉลาด สะดวกรวดเร็ว สามารถตอบสนองความหลากหลาย เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเฉพาะบุคคลได้ ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ Kept by krungsri ช่วยสร้างวินัยในการออมที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนเจน Z ที่ถนัดเก็บเงินแบบไม่รู้ตัวหรือแม้แต่คน
เจเนอเรชันอื่นๆ ที่กำลังมองหาฟีเจอร์เก็บเงินแบบไม่ต้องตั้งใจมาก แต่ระบบสามารถช่วยเก็บเล็กผสมน้อยได้แบบอัตโนมัติ ก็ทำให้หลายคนโหวตว่า ฟีเจอร์กระปุก Fun โดยเฉพาะโปรแกรม "แอบเก็บ" ช่วยทำให้พวกเขาเก็บเงินแบบอัตโนมัติได้สำเร็จเครื่องมือนี้โดยเฉพาะฟีเจอร์กระปุก Grow ยังทำหน้าที่เหมือนกระปุกไว้เก็บเงินก้อนเพื่อรับดอกเบี้ยสูง 1.5%* ต่อปี แถมคงที่ให้ 2 ปี ซึ่งสามารถตอบโจทย์คนที่มองหาผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยสูง เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อนักออมจริงๆ โดยพบว่า 30% ของลูกค้าเจน Y ที่ฝากเงินเข้ากระปุกไม่เคยถอนเลยด้วย แม้ว่าจะไม่มีเงื่อนไขในการถอน
และล่าสุด หากเป้าหมายทางการเงินนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียว แต่ฝากไว้ที่คนอื่นด้วย ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่ในตระกูล Kept by krungsri ที่ตอบสนองพฤติกรรมการออมของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ออมเป็นหมู่คณะได้เป็นอย่างดี กับกระปุก Together กระปุกเก็บด้วยกันเพื่ออนาคตที่กำหนดได้ฟีเจอร์นี้จะมาทำหน้าที่จัดการเงินอย่างมีเป้าหมายเพื่อใช้จ่ายตามใจฝันพร้อมกันกับคนอื่นได้ด้วย และยังช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการเก็บเงินร่วมกันได้อย่างชัดเจนขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเก็บเงินไปจากเดิม แถมยังช่วยให้เก็บเงินร่วมกันได้สะดวก โอนเก็บง่าย แค่กดหยอดกระปุก มีแจ้งเตือนคอยอัพเดต ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบัญชีหรือเพื่อนที่ร่วมออมก็สามารถดูเงินเข้า - ออก และยอดเงินเก็บในบัญชีได้เองถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมาสำรวจความต้องการของตนเองเพื่อกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่เหมาะสมกับตนเองและมีความชัดเจน นำไปสู่การวางแผนทางการเงินและลงมือปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยการเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล ที่สามารถตอบโจทย์สร้างความมั่นคงทางการเงิน ทำให้การออมเป็นเรื่องสนุกและง่าย ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้ และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เอาใจนักออมให้เลือกใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัดสามารถดาวน์โหลแอปพลิเคชัน Kept นี้ได้ง่ายสะดวก ไม่ต้องใช้เอกสาร สามารถทำได้ผ่านมือถือ คลิก https://bit.ly/Download_Kept สมัครใช้งานและยืนยันตัวตนผ่านบริการ NDID ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปสาขา ทำจบได้เองที่บ้าน หรือหากสะดวกก็สามารถไปยืนยันตัวตนตามจุดบริการ Krungsri i-CONFIRM ใกล้บ้านได้ที่ธ.กรุงศรี ร้าน 7-11 เงินติดล้อ หรือกรุงศรีออโต้ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ