นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 8 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หรือระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 30 กันยายน 2564 และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.16839 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2564
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 8 ครั้ง คิดเป็นเงิน 1.78883 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 1 ครั้ง ในอัตรา 0.040 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 1.82883 บาทต่อหน่วย
สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 ของกองทุน SUPEREIF มีรายได้รวม 180.6 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนสุทธิ 136.2 ล้านบาท อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 75.4% ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2564 มีรายได้รวม 640.7 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนสุทธิ 506.3 ล้านบาท อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 79.0%
ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
พอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 838.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 212.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.9 เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2567 สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 22.1 ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 58.2
CIMB THAI posts net profit of THB 838.1 million for 3M2025
—
Mr. Paul Wong Chee Kin, President and Chief Executive Officer, CIMB Thai Bank PCL (CIMB Thai)...
กรุงศรีเปิดตัวกองทุน KF-EMXCN โอกาสเติบโตไปพร้อมกับ Emerging Market
—
บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่าความผันผวนจากสงครามการค้า ด้วยโอกาสลงทุนใน...
Bangkok Bank reports a net profit of Baht 12,618 million for the first quarter of 2025
—
In the first quarter of 2025, the Thai economy began to exhibit s...
ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวน 12,618 ล้านบาท
—
เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2568 เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว โดยมีสาเหตุหลักจากการลงทุนภาค...
บล.เกียรตินาคินภัทร คว้า 2 รางวัลใหญ่ ด้านการบริหารพอร์ตและการลงทุนทางเลือกในประเทศไทยจาก Euromoney Private Banking Awards 2025
—
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรติ...
กลุ่มทิสโก้ แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิ 1,643 ล้านบาท ลดลง 5.2%
—
กลุ่มทิสโก้ เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิ 1,643 ล้านบาท ลดลง 5.2% จาก...
KTC Reveals Insurance as Top Trend, Meeting Cross-Generational Demand for Value and Investment Opportunities
—
KTC reveals that insurance has consistently...
เคทีซีเผยเทรนด์ซื้อประกันครองแชมป์ ตอบโจทย์คนทุกเจนที่มองหาโอกาสการลงทุนและความคุ้มค่า
—
เคทีซีเผยหมวดประกันมีการใช้จ่ายสูงสุดในพอร์ตตลาดบัตรเครดิตอย่างต่...
ธนาคารไทยพาณิชย์คว้าแชมป์ธนาคารแห่งปีต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน
—
ธนาคารไทยพาณิชย์ สร้างความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการครองตำแหน่ง "ธนาคารแห่งปี 2568" ตามการประกาศผลกา...