นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า แสนสิริประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยและเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรรายเดียวของประเทศที่มีรายได้สูงสุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 34,707 ล้านบาทได้รับการตอบรับในแบรนด์ที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขายในตลาดต่างชาติสูงสุดกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปี ความแข็งแกร่งในธุรกิจของแสนสิริมาจากการมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ส่งผลให้แสนสิริมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ ล่าสุดแสนสิริได้ขยับล้ำหน้าไปอีกก้าว ด้วยการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัล ใช้คริปโทซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริได้ทุกโครงการ!! พร้อมยังใช้จ่ายค่าส่วนกลางโครงการได้ตลอดทุกปี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
"ความแข็งแกร่งของแสนสิริในภาคอุตสาหกรรม ในฐานะผู้นำที่มีรายได้สูงสุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 34,707 ล้านบาท ภายใต้การพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท และจำนวน database ฐานลูกค้าในมือกว่า 100,000 ราย ทำให้มองเห็นถึงโอกาสจากการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัล โดยใช้คริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริ พร้อมยังเปิดรับในการจ่ายค่าส่วนกลางโครงการได้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวของการเติบโตในการสร้างรายได้เพิ่มและพลิกการเปลี่ยนแปลงของโลกบริการทางการเงินดิจิทัล หรือ Digital Financial Service และการใช้คริปโทซื้ออสังหาฯ ที่เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสนใจในตลาดคริปโทที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และความน่าสนใจในตลาดคริปโทที่มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยล่าสุดมีจำนวนบัญชีผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เพิ่มขึ้นล่าสุดถึง 1.16 ล้านบัญชี" นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับจุดแข็งเหนือคู่แข่งของการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลในการซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริคือ สามารถใช้คริปโท ซื้อบ้าน - คอนโดมิเนียมของแสนสิริได้ทุกโครงการ รวมถึงยังใช้จ่ายค่าส่วนกลางได้ตลอดทุกปีสำหรับโครงการที่บริหารโดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ โดยเปิดรับทุก Wallet ไม่จำกัดและสามารถคอนเฟิร์มเรตได้ภายในระยะเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น เปิดรับคริปโทถึง 4 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ Bitcoin, Ethereum (ETH) , USDC และ USDT ผ่านทาง Bitazza (บิทาซซ่า) โบรกเกอร์-ดีลเลอร์ที่มีเครือข่ายทั้งในไทยและทั่วโลก ในฐานะพาร์ทเนอร์ที่ช่วยเปิด Wallet มีความตั้งใจสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน อีกทั้งช่วยให้แสนสิริรับชำระเป็นคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งไม่จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย ในขณะเดียวกันมอบความสะดวกสบายด้านไลฟ์สไตล์ให้กับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทาซซ่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในความตั้งใจผลักดันให้เทคโนโลยีบล็อกเชนกลายเป็นที่รู้จักและรับรู้ในวงกว้างโดยจะเริ่มจากการใช้งานภายในประเทศไทยเป็นที่แรกก่อนที่ขยับขยายออกสู่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกสัดส่วนในมูลค่าของการใช้คริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริได้ อาทิ ลูกค้าต้องการซื้อคอนโดมิเนียม THE MUVE บางนา ราคา 1.29 ล้านบาท สามารถเลือกใช้คริปโทเป็นเงินจอง และส่วนที่เหลือสามารถกู้ซื้อผ่านธนาคารได้ตามความต้องการอีกด้วย เพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสนใจในตลาดคริปโทที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ขณะที่แสนสิริก็มีโครงการที่ตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ แบรนด์ THE MUVE, XT, สิริ เพลส และอณาสิริ เป็นต้น
แสนสิริยังได้ความร่วมมือจาก Strategic Partner ที่แข็งแกร่ง โดยมี XSpring Digital ในฐานะกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันและโลกบริการทางการเงินดิจิทัลหรือ Digital Financial Service ไว้ด้วยกันรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการใช้เหรียญคริปโทซื้ออสังหาฯ แก่ลูกค้าอีกด้วย โดยแสนสิริจะเริ่มให้บริการซื้อที่อยู่อาศัยในทุกโครงการของแสนสิริผ่านคริปโทได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับโอกาสในการเปิดให้ชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ผ่านคริปโทนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า "ปัจจุบัน ต่างชาติยังซื้ออสังหาฯ ไทยผ่านคริปโทไม่ได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายมารองรับ แต่หากภาครัฐไฟเขียว เราก็พร้อมรุกเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลซื้อที่อยู่อาศัยแสนสิริในตลาดต่างชาติได้ทันที จากความแข็งแกร่งในตลาดต่างชาติของแสนสิริที่ครองยอดขายอันดับหนึ่งในตลาดต่างชาติ ด้วยตัวเลขกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงที่ผ่านมา พร้อมมีฐานลูกค้าต่างชาติที่พร้อมรองรับอยู่ในมืออยู่แล้ว"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit