RAZER เผยรายรับปี 2020 ทะลุเป้า 1 พันล้านดอลลาร์ สร้างผลกำไรเกินคาดทุกกลุ่มธุรกิจ!!!

บริษัทรุดหน้าเกินกว่าคำมั่นสัญญาในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยแคมเปญ #GoGreenWithRazer

RAZER เผยรายรับปี 2020 ทะลุเป้า 1 พันล้านดอลลาร์ สร้างผลกำไรเกินคาดทุกกลุ่มธุรกิจ!!!

เรเซอร์ (Razer(TM)) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ (เรเซอร์และกลุ่มบริษัทในเครือ: รหัสในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง: 1337) ประกาศผลประกอบการตลอดปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 (หรือปีการเงิน 2020)

"ปี 2020 ถือเป็นปีที่รุ่งโรจน์สำหรับเรเซอร์และถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน แม้ตลาดทั่วโลกจะเกิดความผันผวนจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หากเรเซอร์ยังสามารถบรรลุถึงหลักชัยในการสร้างรายรับเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ ทั้งยังสร้างผลกำไรได้เมื่อคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป ซึ่งเหนือกว่าความคาดหมายในทุกด้าน ผลประกอบการนี้ยังสะท้อนถึงสถานะของแบรนด์ที่เป็นจ้าวตลาดอย่างแท้จริง อันเกิดจากการนำเสนอนิเวศระบบซึ่งครอบคลุมทั้งในส่วนฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ตลอดจนการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เรายังคงรักษาระดับความนิยมไว้อย่างต่อเนื่องและเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2021 โดยเราจะพยายามสร้างการเติบโตของรายรับให้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้และสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องในปี 2021" มร.หมิง-เหลียง ตัน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารเรเซอร์ กล่าว

"นอกจากการสร้างผลประกอบการที่เข้มแข็งในปีการเงิน 2020 เรายังคงความเป็นผู้นำในด้านการดำเนินธุรกิจองค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Corporate Governance : ESG) ซึ่งครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เราไม่เพียงดำเนินงานสอดคล้องอย่างสมบูรณ์ตามหลัก ESG ที่กำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเท่านั้น หากยังล้ำหน้าไปไกลกว่ามาตรฐาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรเซอร์ ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ของกลุ่มเยาวชนและคนยุคมิลเลนเนียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก สามารถสนับสนุนการสรรค์สร้างอนาคตที่ยั่งยืนขึ้นได้ผ่านแคมเปญ #GoGreenWithRazer" มร.หมิง-เหลียง ตัน กล่าว

ไฮไลต์ด้านรายรับของปีการเงิน 2020

ส่วนบริษัทรายรับสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีที่ 48.0% ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจฮาร์ดแวร์และการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในธุรกิจบริการ

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 22.3% ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรในธุรกิจฮาร์ดแวร์และผลกำไรของธุรกิจบริการที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อรายรับรวมของ

กลุ่มบริษัทการสร้างกำไรเมื่อพิจารณาจากผลกำไรสุทธิคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป โดยอยู่ที่ 0.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกินความคาดหมายในทุกด้าน เกิดจากการเติบโตของรายรับที่โดดเด่นและการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 152.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกิดจากผลกำไรในการดำเนินงานที่เข้มแข็ง การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และระเบียบการใช้เงินสด

บัญชีวางเงินล่วงหน้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยปราศจากหนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบัญชีงบดุลที่เข้มแข็งที่สุดในอุตสาหกรรม

กลุ่มธุรกิจหลักฮาร์ดแวร์รายรับเพิ่มขึ้นกว่า 51.8% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 1,083.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วงรายงานผลการเติบโตที่เข้มแข็งในทุกหมวดหลัก ทั้งเมาส์ คีย์บอร์ด และชุดหูฟัง

ธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วงหลักยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไว้ได้ในกลุ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกม ทั้งในตลาดสหรัฐฯ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยสามารถยึดส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่ง มาได้อย่างมีนัยสำคัญ

ธุรกิจงานระบบยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไว้ได้ในกลุ่มเกมมิ่งแล็ปท็อประดับพรีเมียมในตลาดสหรัฐฯ และยังสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นในตลาดอื่น ๆ นอกสหรัฐฯ2

ธุรกิจงานระบบมีการเติบโตในอัตราเร่ง โดยอัตราส่วนร้อยละของการเติบโตปีต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ถูกระงับไว้โดยผู้บริโภค แม้จะเกิดผลกระทบในช่วงแรกกับห่วงโซ่อุปทานในช่วงต้นปีจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็ตาม

การเติบโตมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นในการดำเนินงานทุกด้าน อาทิ เกมออนไลน์/บนระบบคลาวด์, เกมคอนโซล, ผลิตภัณฑ์สำหรับการถ่ายทอดสด รวมไปถึงเก้าอี้สำหรับเล่นเกม

ซอฟต์แวร์จำนวนบัญชีรายชื่อผู้ใช้งานรวมเพิ่มขึ้น 53.8% ปีต่อปี อยู่ที่ราว 123 ล้าน โดยมีผู้เปิดบัญชีใช้งานต่อเดือนในอัตราเพิ่มขึ้น 68.2% เกิดจากการเติบโตที่เข้มแข็งของธุรกิจกลุ่มซอฟต์แวร์ทั้งหมด ทั้งในด้านธุรกิจเกม อี-สปอร์ต และกิจกรรมการถ่ายทอดสด

เรเซอร์ยังคงมุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งานและขับเคลื่อนการใช้งานต่าง ๆ ให้รองรับเฉพาะในนิเวศระบบของเรเซอร์ในเดือนกันยายน คอมพิวเตอร์พีซีกลุ่ม Razer Cortex แพร่หลายอย่างมากในการทำกิจกรรมเชื่อมโยงกับผู้ใช้งานผ่านการเปิดตัว Squad Rewards Leaderboard Challenge การแข่งขันสุดยอดผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานสามารถจับกลุ่มสร้างทีมกับเพื่อนๆ เพื่อเก็บแต้ม Razer Silver Loyalty Awards ผ่านการจับเวลาในการเล่นเกม

ธุรกิจ Razer ChromaTM RGB ยังคงขยายศักยภาพของโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อ โดยจับมือเป็นพันธมิตรรายใหม่ทั้งกับ WD Black, Seagate, Twinkly และ Yeelight ทำให้มีจำนวนฮาร์ดแวร์พันธมิตรที่ใช้รองรับการใช้งานได้มากกว่า 50 ชนิด

บริการเรเซอร์ยังนำเสนอบริการชำระเงินสำหรับเยาวชน กลุ่มมิลเลนเนียล และเจเนอเรชันแซดธุรกิจบริการของเรเซอร์ซึ่งประกอบด้วยเรเซอร์โกลด์ (Razer Gold) และเรเซอร์ฟินเทค (Razer Fintech) ยังคงขยายตัวและรายงานการเติบโตปีต่อปีที่ 66.8% ด้วยมูลค่าตลอดปีที่ 128.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 43.8% และส่งผลบวกต่อกำไรขั้นต้นของทั้งกลุ่มบริษัทถึง 20.8% เพิ่มขึ้น 19.4% ในกำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทเมื่อปี 2019

เรเซอร์โกลด์รายงานอัตราเพิ่มขึ้นปีต่อปีในปริมาณการชำระเงินรวม (Total Payment Volume: TPV) ที่ 102.4% ซึ่งเบื้องต้นเกิดจากจำนวนการทำธุรกรรมที่เพิ่มมากขึ้น

มีการขยายขอบเขตการดำเนินงานและเพิ่มช่องทางจุดบริการ (Touch Point) 1.6 ล้านจุด โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟิกาเหนือ (Middle East and North Africa: MENA) ซึ่งครอบคลุมผู้ใช้งานมากกว่า 130 ประเทศและช่องทางจุดบริการมากกว่า 5 ล้านจุดยังคงเป็นพันธมิตรทางเลือกอันดับต้น ๆ ของพันธมิตรผู้ผลิตคอนเทนต์ โดยมีการใช้ชื่อในสื่อบันเทิงดิจิทัลมากกว่า 34,000 ชื่อและยังมีการออกเกมใหม่ ๆ ซึ่งกลายเป็นที่นิมอย่างสูง อาทิ Apex Legends, Call of Duty: Modern Warfare, Genshin Impact และ Ragnarok รวมถึงคอนเทนต์ใหม่ ๆ อาทิ แอปพลิเคชันสำหรับการถ่ายทอดสด MeMe Live

เรเซอร์ฟินเทคสร้างรายรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์จาก TPV ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีที่ 104.4%

ความสำเร็จเกิดจากการเพิ่มขึ้นของผู้ค้ารายใหม่ทั้งช่องทางอี-คอมเอร์ซออนไลน์ ร้านค้าปลีก รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีประมาณ 191.0% โดยมีจำนวนผู้ค้ามากกว่า 50,000 ราย

นอกจากนี้ เรเซอร์ฟินเทคยังสามารถสร้างผลกำไรจากการขยายตัวของการช็อปปิ้งออนไลน์และกิจกรรมการเสพสื่อบันเทิงระบบดิจิทัล เนื่องจากเกิดสถานการณ์ล็อกดาวน์เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

การดำเนินธุรกิจองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG)บริษัทฯ มีการดำเนินงานที่สอดคล้องอย่างสมบูรณ์ตามหลัก ESG ที่กำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง กลุ่มบริษัทยังหน้าไปไกลกว่ามาตรฐานด้วยการมุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนผ่านการเปิดตัวแคมเปญ #GoGreenWithRazer

โร้ดแมปด้านความยั่งยืนจะให้ความสำคัญในการดำเนินงาน 4 ด้าน ได้แก่

องค์กรสีเขียว: ภายในปี ค.ศ. 2021 เริ่มการใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่รีไซเคิลได้, ภายในปี ค.ศ. 2025 ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%, และมีรีการดำเนินงานที่เป็นกลางทางคาร์บอน 100% ภายในปี ค.ศ. 2030

ผลิตภัณฑ์สีเขียว: มอบความโปร่งแก่ผู้บริโภคด้วยการติดฉลากคาร์บอนสำหรับผู้บริโภคภายในปี ค.ศ. 2022, ภายในปี ค.ศ. 2025 ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์จะต้องนำไปรีไซเคิลได้, และภายในปี ค.ศ. 2030 ผลิตภัณฑ์เรเซอร์ทั้งหมดจะเป็นวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้

ชุมชนสีเขียว: การให้ข้อมูลแก่แฟน ๆ ของเรเซอร์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การร่วมอนุรักษ์ต้นไม้จำนวน 1 ล้านต้นผ่านแคมเปญ Sneki Snek ด้วยความร่วมมือกับ Conservation International

การลงทุนเพื่ออนาคตสีเขียว: การสนับสนุนและลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านพลังงานหมุนเวียน การลดการปล่อยคาร์บอน การบริหารจัดการพลาสติก และโซลูชั่นทรัพยากรน้ำ

ภาพรวมเรเซอร์มีการตรวจสอบสถานการณ์ในตลาดอย่างใกล้ชิดในเรื่องสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการริเริ่มโครงการเพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของรายรับและการสร้างผลกำไรที่ต่อเนื่อง - การเพิ่มอัตราการเติบโตของรายรับ- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่- การเพิ่มฐานผู้ใช้งานซอฟต์แวร์- การลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจบริการที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว- การสร้างผลกำไรที่ต่อเนื่อง- การปรับปรุงระดับกำไรของธุรกิจฮาร์ดแวร์- ระเบียบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่รัดกุม- การเพิ่มระดับกำไรของธุรกิจฮาร์ดแวร์และบริการให้เป็นส่วนเสริมของรายรับรวม

การใช้จ่ายเงินสดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาฮาร์ดแวร์ใหม่และการพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ ๆ ดำเนินการซื้อหุ้นคืน (Share Buybacks) อย่างต่อเนื่อง การลงทุนและการควบรวมกิจการ

http://www.razer.com/go-green


ข่าวตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง+ตลาดหลักทรัพย์วันนี้

สถาบัน FII จัดการประชุมสุดยอด Asia FII PRIORITY Summit ครั้งแรก 7-8 ธันวาคมที่ฮ่องกง

จัดงานร่วมกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รวบรวมผู้นำทางธุรกิจและการเงินจากทั่วโลก คุณยาซีร์ อัล-รูไมยาน (Yasir Al-Rumayyan) ผู้ว่าการกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย และประธานสถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต (Future Investment Initiative (FII) Institute) ประกาศจัดประชุมสุดยอด FII PRIORITY Asia Summit ครั้งแรกที่ฮ่องกง คุณจอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง, คุณพอล ชาน (Paul Chan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, คุณคริสโตเฟอร์ ฮุย (Christopher

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ รินใจ... DR "BYDCOM80" และ "XIAOMI80" เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก — ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลา...

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหลักทรัพย์ Tencent DR (TENCENT80) เริ่มซื้อขาย 26 เม.ย. นี้

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับหลักทรัพย์ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่อ้างอิงบริษัท เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด ออกโดย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 26 เม.ย. นี้ โดย...

"จีซีแอล-โพลี เอเนอร์จี" เปลี่ยนชื่อเป็น "จีซีแอล เทค" เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์

บริษัทจีซีแอล-โพลี เอเนอร์จี (GCL-POLY ENERGY) (03800.HK) ผู้นำด้านวัสดุเซลล์แสงอาทิตย์ระดับโลก ประกาศว่า บริษัทได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเปลี่ยนชื่อย่อเป็น "จีซีแอล เทค" (GCL TECH) ...

บริษัททุ่มการลงทุนต่อเนื่องตามแผนสร้างการ... RAZER รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 เผยรายรับพุ่งสูงด้วยผลกำไรสุทธิ 31 ล้านดอลลาร์ — บริษัททุ่มการลงทุนต่อเนื่องตามแผนสร้างการเติบโตทางธุรกิจระยะยาว เร...

Premia Partners เปิดตัวกองทุน Premia China STAR50 ETF เพื่อคว้าโอกาสจากการเติบโตในภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน ชูจุดเด่นต้นทุนต่ำด้วยค่า TER ที่ 0.58% ต่อปี

Premia Partners ผู้ให้บริการกองทุนรวม ETF ชั้นนำของฮ่องกง ประกาศการนำกองทุน Premia China STAR50 ETF เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง...

Premia Partners จับมือ BOCHK Asset Management เปิดตัวกองทุนรวม ETF ตราสารหนี้อัตราผลตอบแทนสูงสกุล USD แห่งแรกในฮ่องกง

กองทุนรวม ETF แห่งแรกสำหรับพันธบัตรรัฐบาลจีนระยะยาว Premia Partners ผู้ให้บริการกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ชั้นนำของฮ่องกง ประกาศเปิดตัวกองทุนรวม ETF พันธบัตรรัฐบาลจีน 2 กองทุน...