ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ของบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ที่ 'A-’ (หรืออยู่ในระดับ “แข็งแกร่ง”) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การประกาศอันดับเครดิตดังกล่าวพิจารณาจากการประเมินผลกระทบของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่อาจมีผลต่อระบบเศรษฐกิจภายใต้สมมติฐานที่ระบุไว้ในส่วนท้าย ซึ่งฟิทช์ใช้สมมติฐานดังกล่าวในการประเมินตัวเลขทางการเงินเพื่อเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์และปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต (rating sensitivities) ที่ได้ระบุไว้ในการประกาศอันดับเครดิตของ THRE ในครั้งก่อน
การประกาศคงอันดับเครดิตของ THRE สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจประกันภัยของบริษัทที่ยังแข็งแรง (Favorable Business Profile) เมื่อเทียบกับบริษัทประกันวินาศภัยอื่นภายในประเทศ ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และระดับความเสี่ยงทางด้านการลงทุนและสภาพคล่องที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยรองรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของผลประกอบการของบริษัทที่อาจได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินงานของธุรกิจรับประกันภัยในอดีตที่ยังขาดทุน
ฟิทช์มีความเห็นว่าระดับของเงินกองทุนของ THRE ที่แข็งแรงนั้นเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท โดยการที่ส่วนทุนของบริษัท (equity) อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับหนี้สินประกันภัยนั้นเป็นปัจจัยที่ช่วยเกื้อหนุนความแข็งแรงของเงินกองทุนและจะช่วยรองรับค่าสินไหมทดแทนจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโคโรน่าไวรัส รวมถึงผลขาดทุนของเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดการเงินตามสมมติฐานของฟิทช์ ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าระดับเงินกองทุนของบริษัทจะยังคงสอดคล้องกับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทในปัจจุบัน โดยระดับของเงินกองทุนของบริษัทเมื่อประเมินจากแบบจำลอง Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) จะอยู่ในระดับ “แข็งแกร่งมาก” ('Very Strong’) โดยเป็นการพิจารณารวมถึงผลกระทบจากโคโรน่าไวรัสตามสมมติฐานของฟิทช์ ซึ่งระดับของเงินกองทุนดังกล่าวยังคงอยู่สูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ระบุไว้ในปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต ทั้งนี้ระดับของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามระดับความเสี่ยง (Risk-based capital ratio) ของบริษัทน่าจะยังคงสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 140% อยู่มาก
ผลการดำเนินงานของบริษัทเมื่อพิจารณาตามสมมติฐานข้างท้ายอาจปรับตัวแย่ลงกว่าระดับที่กำหนดไว้ตามปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต โดยอัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลี่ย 3 ปี (combined ratio) อาจเพิ่มขึ้นเป็น 109% ในกรณีฐาน (Rating Case) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (return on equity) ปรับลดเป็นประมาณ 2% ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสที่ค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับโคโรน่าไวรัสที่สูงขึ้น ในขณะที่ผลกระทบดังกล่าวจะถูกลดทอนลงบางส่วนจากค่าสินไหมทดแทนของผลิตภัณฑ์ประกันภัยทางรถยนต์ที่ลดลง นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะลดลงจากการที่ธุรกิจรับประกันภัยในอดีตที่ยังมีผลขาดทุนจะทยอยครบกำหนดในช่วงปี 2563-2564 และความเสี่ยงต่อรายได้ของบริษัทจะถูกบรรเทาลงจากปริมาณธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรับประกันภัยด้านสุขภาพที่มีสัดส่วนจำกัดที่ประมาณ 20% ของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ
สมมติฐานของผลกระทบจากโคโรน่าไวรัส (กรณีฐาน)
ฟิทช์ใช้สมมติฐานหลักดังต่อไปนี้เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจมีต่อบริษัทสำหรับการพิจารณาอันดับเครดิตข้างต้น
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจะยังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญของสมมติฐานในกรณีฐาน (Rating Case) ของฟิทช์จากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าฟิทช์จะทำการปรับปรุงสมมติฐานที่ใช้เป็นระยะเพื่อสะท้อนถึงการจัดการโรคระบาดของภาครัฐที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพื่อสะท้อนถึงข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทางด้านสาธารณสุขสืบเนื่องจากการแพร่ระบาด ทั้งนี้การคาดการณ์ถึงผลกระทบที่อาจมีต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายใต้สมมติฐานของกรณีผลกระทบรุนแรง (stress-case) ซึ่งระบุในส่วนท้ายของประกาศเพื่อใช้ในการพิจารณาปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคตภายใต้กรณีที่ได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมาก (a severe downside scenario)
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การวิเคราะห์กรณีที่ได้รับผลกระทบเชิงลบรุนแรง (Stress Case Sensitivity Analysis)
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าบริษัทมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของบริษัท ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของบริษัทก็ตาม
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ ESG หาได้จาก https://www.fitchratings.com/esg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit