สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งส่วนมากเป็น SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ soft loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ในช่วงล็อคดาวน์ มั่นใจเมื่อสถานการณ์คลี่คลายธุรกิจจะสามารถกลับมาฟื้นได้รวดเร็ว พร้อมหารือแนวทางการนำอัญมณีมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร
ดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำฯ) ลดลงจากมาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นตลาดหลักสำคัญ อย่าง จีน ฮ่องกง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ นอกจากนี้ การไม่มีนักท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าปลีก ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน GIT ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ได้จัดประชุมร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ และหน่วยงานด้านอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อหารือแนวทางในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ และความช่วยเหลือด้านการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเสนอแนวทางในการนำ
“อัญมณี” ซึ่งถือได้ว่า เป็น ทรัพย์สินที่มีมูลค่า มาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งการเข้าถึงสินเชื่อ SOFT LOAN อย่างเร่งด่วน หวังช่วยเหลือผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือว่าเป็นสินค้าสำคัญที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้สูงเป็นอันดับ 2 เมื่อรวมกับมูลค่าการค้าภายในประเทศด้วยก่อให้เกิดเม็ดเงินถึงปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท มีผู้ประกอบการซึ่งส่วนมากเป็น SMEs อยู่ถึง 11,800 ราย ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า1 ล้านคน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งประเทศไทยถือได้เป็นฐานการผลิตสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Luxury Brand ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ปรับปรุงคุณภาพอัญมณี การออกแบบและผลิตเครื่องประดับที่มีคุณภาพสูง จากช่างฝีมือแรงงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 40-50 ปี ทำให้อุตสาหกรรม
อัญมณีและเครื่องประดับของไทย มีความเฉพาะตัว เลียนแบบยาก ที่ต่างชาติไม่สามารถทำได้ ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อรักษาฐานการผลิตให้อยู่ในประเทศ ทั้งนี้ มั่นใจว่าแบรนด์เครื่องประดับไฮเอนด์ทั้งหลายก็จะกลับมามีการสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว เมื่อสถานการณ์ล็อคดาวน์คลี่คลาย เพราะตลาดนี้มีความต้องการสินค้าในระดับที่สูง โดยจะเห็นว่า สามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งในอดีต และยังสามารถเติบโตได้ดี
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา GIT ได้ประชุมร่วมกับ สมาคมธนาคารไทยและตัวแทนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อาทิ สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี โดยเบื้องต้น สมาคมธนาคารไทยได้ชี้แจงว่าผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับสามารถขอสินเชื่อ SOFT LOAN ที่เป็นสินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6?เดือนแรก โดยผู้ประกอบการต้องเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแต่ละแห่งไม่เกิน?500?ล้านบาท มีสถานะผ่อนชำระปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน (ยังไม่เป็น NPL) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยให้แจ้งความประสงค์ต่อธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่ออยู่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน จากกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลลูกจ้างในช่วงที่หยุดกิจการชั่วคราว โดยสถานประกอบการที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 3 ปี ส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี คงที่ 3 ปี โดยจะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องรักษาการจ้างงานผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตลอดอายุโครงการ 3 ปี
ทั้งนี้ ยังมีการหารือเรื่องการนำสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร โดยจะมีการประชุมร่วมกันกับสถาบันการเงินและหน่วยงานด้านอัญมณีและเครื่องประดับรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับต่อไป เพื่อหาแนวทางในการประเมินราคาอย่างเป็นธรรม และขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นการให้ความสนับสนุนด้านการเงินในระยะกลางและระยะยาวต่อไป
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) ผู้จัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair เผยความสำเร็จการจัดกิจกรรม Networking Reception ในงาน "บางกอกเจมส์" ครั้งที่ 71 ที่ผ่านมา ณ ห้องเพลนารี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีนักธุรกิจและบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยและทั่วโลกเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมถึงเป็นเวทีสำคัญ ที่องค์กรระดับนานาชาติใช้จัดกิจกรรมและสานสัมพันธ์ทางการค้า งานแสดงสินค้าบางกอกเจมส์จัดอย่างต่อ
"พาณิชย์" โชว์ผลงาน "บางกอกเจมส์" ครั้งที่ 71 สำเร็จเกินคาด ดึงผู้ซื้อ-ผู้ชมงานทั่วโลกกว่า 40,000 ราย เงินสะพัดทะลุ 3,700 ล้านบาท
—
กรมส่งเสริมการค้าระหว่...
บจ. จี ไอดี แลบอราทอรีส์ รับใบรับรองฯ GIT Standard
—
นายธนาศักดิ์ ทรัพย์หิรัญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี ไอดี แลบอราทอรีส์ รับใบขึ้นทะเบียนห้องปฏิบัต...
สุดตระการตา งาน Networking Reception ของบางกอกเจมส์ เชื่อมสังคมอัญมณีและเครื่องประดับไทยกับตลาดโลก
—
นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างปร...
'พาณิชย์' เปิดงานบางกอกเจมส์ครั้งที่ 70 สุดตระการตา คาดเงินสะพัดกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
—
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน แส...
DITP และ GIT เตรียมจัด “บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 70 สุดอลังการ ตอกย้ำจุดเด่นไทยในฐานะศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลก
—
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DIT...
GIT สานต่อความสำเร็จ เดินหน้าจัดเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี ปีที่ 5 “สร้างจันทบุรีเป็น City of Gem
—
วันที่ 16 สิงหาคม 2567 ห้องประชุมตากสิ...
"บางกอกเจมส์" ครั้งที่ 68 ประสบความสำเร็จเกินเป้า ยอดผู้ชมงานล้น เพิ่มกว่าปีก่อนร้อยละ 44 มูลค่าการสั่งซื้อทะลุ 3,300 ล้านบาท
—
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างปร...