EIC ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจอาหารต่อไป มุ่งปรับกลยุทธ์แบรนด์ขนมอบ เพื่อตอบโจทย์สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ EIC รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานและงบการเงินของบริษัทสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 3อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ ธันวาคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติรับรองไว้ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์/2563 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยผลการดำเนินงานสำหรับปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 256อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ บริษัทฯ มีรายได้และต้นทุนจากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นมากเป็นผลจากบริษัทฯ รับรู้รายได้และต้นทุนของธุรกิจอาหารตั้งแต่วันที่เริ่มเข้าลงทุน โดยเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ในเดือนมกราคม 2562 บริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เครปส์ แอนด์ โค,ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด ในเดือนสิงหาคม 2562 โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจำนวน อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์74 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ และมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าร้อยละ 33

EIC ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจอาหารต่อไป มุ่งปรับกลยุทธ์แบรนด์ขนมอบ เพื่อตอบโจทย์สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลขาดทุนสำหรับปี 2562 จำนวน 22 ล้านบาทโดยมีสาเหตุหลักมาจาก ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ จ้างผู้ประเมินอิสระเพื่อประเมินมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อย พบว่ามูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ลดลง บริษัทฯจึงบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องหมายการค้าจำนวน 23 ล้านบาทและขาดทุนจากการด้อยค่าค่าความนิยมจำนวน 92 ล้านบาท EIC ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจอาหารต่อไป มุ่งปรับกลยุทธ์แบรนด์ขนมอบ เพื่อตอบโจทย์สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

ทั้งนี้เนื่องจากอุตสาหกรรมธุรกิจขนมอบและเบเกอรี่ในประเทศไทยมีการแข่งขันที่สูง ทั้งจากคู่แข่งทางตรงและคู่แข่งทางอ้อม อันมีสาเหตุจาก (1) อุตสาหกรรมขนมอบและเบเกอรี่ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันด้านราคา โดยให้ส่วนลดหรือสิ่งจูงใจทางการตลาดกับลูกค้าเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด (2) อุตสาหกรรมมีผู้ประกอบรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น เพราะผู้ประกอบการรายใหม่มีอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรม (Barriers to entry) ที่ต่ำ ทั้งเงินลงทุนในการทำธุรกิจที่ไม่สูงมากนัก อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการในแต่ละรายแตกต่างกันไม่มาก ส่งผลให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมีความภักดีต่อแบรนด์ต่ำ และ (3) อุตสาหกรรมยังประสบกับการแข่งขันจากคู่แข่งทางอ้อม เช่น ธุรกิจสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ และธุรกิจขนมหวานแบบไทยที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น จากเหตุผลดังกล่าวนั้น ส่งผลให้ในปีพ.ศ. 2562 มีร้านขนมอบและเบเกอรี่เปิดใหม่ทั้งสิ้น 3,247 ร้าน หรือมีอัตราการเปิดร้านใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 33.5 สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม EIC ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจอาหารต่อไป มุ่งปรับกลยุทธ์แบรนด์ขนมอบ เพื่อตอบโจทย์สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

นอกจากนี้ บริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด อยู่ภายใต้การดำเนินธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ซึ่งมีข้อกำหนดจากเจ้าของสิทธิการค้า (Franchisor) ในประเทศญี่ปุ่นที่เข้มงวด เช่น ต้องมีการขออนุมัติเรื่องการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มรูปแบบและรสชาติของผลิตภัณฑ์ การกำหนดและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด การออกแบบและการกำหนดทำเลที่ตั้งของร้าน โดยทุกขั้นตอนต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากเจ้าของสิทธิการค้า ซึ่งในบางรายการใช้ระยะเวลานานถึง 3-4 เดือน อันส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เป็นกระแสนิยมในขณะนั้นได้ทัน ส่งผลให้บริษัทฯ สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดธุรกิจขนมอบและเบเกอรี่ไปให้กับคู่แข่ง อันส่งผลให้สาขาที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีการแข่งขันที่สูงยิ่งประสบกับปัญหาขาดทุน และต้องปิดตัวลง ทำให้เกิดการด้อยค่าของเครื่องหมายการค้าและความนิยมดังกล่าวขึ้น EIC ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจอาหารต่อไป มุ่งปรับกลยุทธ์แบรนด์ขนมอบ เพื่อตอบโจทย์สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน เผยว่า “บริษัทฯ ตระหนักดีถึงข้อจำกัดของบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีพยายามหารือร่วมกับเจ้าของสิทธิการค้า (Franchisor) ในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด และทีมงานอย่างเต็มที่

บริษัทฯ ได้มีการจัดทำแผนกลยุทธ์ใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ทั้งนี้ แผนดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการสรรหาทำเลในการดำเนินธุรกิจที่ มีศักยภาพ และความสามารถในการเจรจาสรรหา Partner ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการต่อยอดธุรกิจกับ Partner เดิมในปัจจุบัน โดยบริษัทฯ จะมีแนวทางที่จะบริหารพื้นที่ร้านค้าของบริษัทฯ ในปัจจุบันให้มีศักยภาพมากขึ้นเช่นการรวมแบรนด์สินค้าหลายแบรนด์ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายคงที่ต่าง ๆ เพิ่มความคล่องตัวในการทำกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกันระหว่างแบรนด์ รวมทั้งใช้จุดแข็งในทำเลที่ตั้งในปัจจุบันที่มีผู้สัญจรผ่านอย่างหนาแน่นเพื่อที่จะสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และบริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจแบบ Co-Branding ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการร่วมกับร้านอาหารหรือร้านขนมอื่นที่กำลังอยู่ในกระแสความนิยม เพื่อดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้ากลับเข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัท Partner มีโอกาสโฆษณาสินค้าตนเองในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งบริษัทฯ มองว่าจะเป็นแผนธุรกิจที่ win-win ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการสรุปแนวทางการดำเนินการและคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ในช่วงไตรมาส 2

ในส่วนของแบรนด์ Kagonoya, Crepe and Co และ Le Boeuf ปัจจุบันยังไม่มีนโยบายปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจแต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสามแบรนด์ ยังคงเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจอาหารของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าใหม่เป็นของตัวเองเพิ่มเติม


ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์วันนี้

"เงินติดล้อ" ผนึกตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งปันไอเดีย การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในองค์กร

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม "Happy Money Sharing: Financial Well-Being Journey 2025" จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในองค์กร แก่ผู้แทนองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั้งหมด 28 องค์กร ให้สามารถไปปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กร สมาชิกในชุมชน หรือประชาชนทั่ว

มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิ... THNIC จับมือ SET และ ICANN จัดงาน UA Day 2025 ใช้โดเมนและอีเมลภาษาไทย ปูทางธุรกิจไทยก้าวสู่สากล — มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิค) ร่วมกับตลาดห...

นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ... RBF โชว์ศักยภาพธุรกิจ-แผนขยายตลาด ตปท. งาน "Thailand Earning Call" ปังธง ปี 68 รายได้รวม โต 10-15% — นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและก...

นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที... "MEDEZE" โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024 — นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรื...

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเ... SAFE โชว์กำไรฯปี 67 แตะ 167.09 ลบ. จ่ายปันผล 0.62 บ./หุ้น — นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวชนิดา พัธโนทัย (ขวา) ประธา...

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหา... "SNPS" ฉายภาพธุรกิจ งาน Opp Day โชว์กำไรปี 67 โตแรง 169% — ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายอชิตเดช อาชาไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่...