โดยตั้งแต่ 10:00 น. - 12:00 น. วันนี้ ได้มีการประชุมแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูป โดยมีผู้เกี่ยวข้องทั้งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ การยางแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 135 บริษัท ซึ่งร้อยละ 70 เป็นลูกหนี้ธนาคารเอกชน ส่วนร้อยละ 30เป็นลูกหนี้ธนาคารรัฐ เช่น กรุงไทย เป็นต้น สรุปผลการประชุมมีแนวทางที่จะให้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นต้นเรื่อง ร่วมกับ การยางแห่งประเทศไทย กับ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เสนอมาตรการ เข้าคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยซึ่งมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นอกจากนั้นจะได้ทำการประสานงานธนาคารเอกชน โดยสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศมาตรการดูแลลูกหนี้ในภาวะ นี้ให้ผ่านสถานการณ์ Covid-19 และประสานกระทรวงการคลังเพื่อหาช่องทางเพิ่มเติม
นางมัลลิกา กล่าวว่า อุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูปมีโรงงานแปรรูปไม้ในประเทศไทยทั้งสิ้น 1,208 โรงงานตั้งอยู่ในภาคใต้ 80% ภาคตะวันออก 15% อีสาน 4% และภาคอื่นๆ 1% ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตและเป็นห่วงโซ่ในการแก้ไขปัญหาราคายางพารา จากปัญหาดังกล่าวนั้นถ้าไม่บรรเทาจะสร้างความเดือดร้อนห่วงโซ่ยางพาราของไทยตั้งแต่ชาวสวนยางที่รัฐบาลให้การส่งเสริมการโค่นยางพารา 400,000ไร่ต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมด้านนี้กำลังมีอนาคตเนื่องจากตลาดหลายประเทศต้องการเฟอร์นิเจอร์ไม้และในประเทศอินเดียก็ส่งเสริมให้ประชาชนมีบ้าน แต่ขณะนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องการเร่งให้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการอุตสากรรมนี้เพื่อจะได้ไม่กระทบกับเกษตรกรยางพาราต่อไป
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit