เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562

          เอสซีจีแถลงผลประกอบการเอสซีจีไตรมาสที่ สงครามการค้า และครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า กำไรลดลงหลักจากผลกระทบสงครามการค้า เผยเดินหน้านวัตกรรมสินค้า-บริการที่มีมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมส่งมอบโซลูชั่นครบวงจรให้ลูกค้า รวมทั้งเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญที่สร้างมูลค่าให้เป็นไปตามแผน เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวและรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้ธุรกิจ
          นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีในไตรมาสที่ สงครามการค้า ประจำปี สงครามการค้า56สงครามการค้า มีรายได้จากการขาย นวัตกรรมสินค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส9,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส94 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง และลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ของธุรกิจหลักลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 9,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส79 ล้านบาท ลดลงร้อยละ สงครามการค้า7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ สงครามการค้าสงครามการค้า จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ และการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ นวัตกรรมสินค้า,นวัตกรรมสินค้า5รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานดังกล่าวมูลค่า สงครามการค้า,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส35 ล้านบาท จะทำให้เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 7,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส44 ล้านบาท
          สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า เอสซีจีมีรายได้จากการขาย สงครามการค้าสงครามการค้านวัตกรรมสินค้า,473 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน สงครามการค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส,74นวัตกรรมสินค้า ล้านบาท ลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงจากผลกระทบของสงครามการค้า แต่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยังมีรายได้สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของการก่อสร้างในภูมิภาค ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะทำให้เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด นวัตกรรมสินค้า8,7รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส6 ล้านบาท
โดยในไตรมาสที่ สงครามการค้า ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) 47,นวัตกรรมสินค้า64 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน ทำให้ในครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า เอสซีจีมียอดขายสินค้า HVA 9สงครามการค้า,6สงครามการค้า8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4สงครามการค้า ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ สงครามการค้า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
          นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ทั้งสิ้น 88,8สงครามการค้า5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ของยอดขายรวม ลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้านวัตกรรมสินค้า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 3รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส มิถุนายน สงครามการค้า56สงครามการค้า มีมูลค่า 6นวัตกรรมสินค้า8,59นวัตกรรมสินค้า ล้านบาท โดยร้อยละ 33 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ สงครามการค้า และครึ่งปีแรกปี สงครามการค้า56สงครามการค้า แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้
          ธุรกิจเคมิคอลส์ ได้รับผลกระทบของสงครามการค้าและค่าเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลให้ส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลง รวมทั้งการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ในไตรมาสที่ สงครามการค้า ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า จึงมีรายได้จากการขาย 45,995 ล้านบาท ลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 4,4สงครามการค้า4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ สงครามการค้า8 จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานดังกล่าวมูลค่า 48สงครามการค้า ล้านบาท จะทำให้ธุรกิจเคมิคอลส์มีกำไรสำหรับงวด3,94สงครามการค้า ล้านบาท
          สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ธุรกิจเคมิคอลส์มีรายได้จากการขาย 9สงครามการค้า,สงครามการค้า35 ล้านบาท ลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน นวัตกรรมสินค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส,53รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะทำให้ธุรกิจเคมิคอลส์มีกำไรสำหรับงวด นวัตกรรมสินค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส48 ล้านบาท
          ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ สงครามการค้า ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า มีรายได้จากการขาย 45,9สงครามการค้า8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการซบเซาของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในช่วงฤดูฝน โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน นวัตกรรมสินค้า,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ นวัตกรรมสินค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 4รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานดังกล่าวมูลค่า 964 ล้านบาท จะทำให้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีกำไรสำหรับงวด 873 ล้านบาท
          สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้จากการขาย 94,สงครามการค้า38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดซีเมนต์ในประเทศ โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 4,877ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ นวัตกรรมสินค้า7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะทำให้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีกำไรสำหรับงวด 3,9นวัตกรรมสินค้า3 ล้านบาท
          ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ สงครามการค้า ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า มีรายได้จากการขาย สงครามการค้ารุ่งโรจน์ รังสิโยภาส,4รุ่งโรจน์ รังสิโยภาสสงครามการค้า ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 3จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการซื้อที่ลดลงในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกระดาษประเภทอื่น ๆ โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน นวัตกรรมสินค้า,375 ล้านบาท ลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ นวัตกรรมสินค้า8 จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานดังกล่าวมูลค่า 338 ล้านบาท จะทำให้ธุรกิจแพคเกจจิ้งมีกำไรสำหรับงวด นวัตกรรมสินค้า,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส37 ล้านบาท
          สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ธุรกิจแพคเกจจิ้งมีรายได้จากการขาย 4นวัตกรรมสินค้า,5สงครามการค้า9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการซื้อที่ลดลงในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกระดาษประเภทอื่น ๆ โดยมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 3,รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส56ล้านบาท ลดลงร้อยละ สงครามการค้า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะทำให้ธุรกิจแพคเกจจิ้งมีกำไรสำหรับงวด สงครามการค้า,7นวัตกรรมสินค้า8 ล้านบาท
          นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า "แม้ผลประกอบการของเอสซีจีในไตรมาสที่ สงครามการค้า และครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า โดยเฉพาะธุรกิจเคมิคอลส์ จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ประกอบกับรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานในไตรมาสที่ สงครามการค้า และการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ แต่เอสซีจียังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม หรือ HVA ควบคู่กับการตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)พร้อมส่งมอบโซลูชั่นแบบครบวงจรให้ลูกค้า รวมทั้งเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าให้ธุรกิจให้เป็นไปตามแผน ภายใต้ สงครามการค้า กลยุทธ์ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ทั้งการบริหารจัดการการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว (Long-term Growth) และการสร้างเสถียรภาพทางการเงิน (Stability) 
          ด้านการบริหารจัดการการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว สำหรับธุรกิจเคมิคอลส์ จะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยอาศัยจุดแข็งของเอสซีจีด้านการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าเคมีภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน และแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การพัฒนาเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนเกรดพิเศษด้วย SMX Technology(TM) สำหรับผู้แปรรูปพลาสติกและเจ้าของแบรนด์สินค้าที่ต้องการเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกในผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงความแข็งแรงทนทานได้ดี ตลอดจนการพัฒนาสินค้าเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ซึ่งล่าสุดได้เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา SCG Advanced Materials Laboratory ในเมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เพื่อพัฒนาต้นแบบสินค้าในกลุ่ม Functional Materials 
          ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งยังคงมีการเติบโตที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องของโครงการก่อสร้างของภาครัฐในไทย เช่นเดียวกับการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนทุกประเทศ ยกเว้นอินโดนีเซียซึ่งมีความต้องการภายในประเทศชะลอตัว เอสซีจีจึงเน้นรุกตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพและมูลค่าของตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างธุรกิจค้าปลีก เช่น การเปิดศูนย์ "SCG Home บุญถาวร" จำหน่ายสินค้าวัสดุตกแต่งที่เน้นครัวและห้องน้ำ ที่จังหวัดนครราชสีมา กระบี่ และนครศรีธรรมราช รวมถึงการขยายคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิของธุรกิจโลจิสติกส์ หรือการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจรยิ่งขึ้น เช่น โซลูชั่นระบบหลังคาที่ช่วยประหยัดพลังงาน ไม่รั่วซึมหรือสีซีดจาง และอยู่สบาย เป็นต้น
          ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ซึ่งมีการเติบโตที่โดดเด่นและมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ทั้งการเติบโตของธุรกิจ e-commerce และพฤติกรรมการบริโภคอาหารบริการด่วน เอสซีจีจึงเน้นการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมทั้งโรงงาน UPPC ในฟิลิปปินส์ และโรงงาน BATICO ในเวียดนาม รวมทั้งการซื้อหุ้น Fajar ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย
          อีกหนึ่งกลยุทธ์ คือ การสร้างเสถียรภาพทางการเงิน เอสซีจีคำนึงถึงการบริหารสภาพคล่องของธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ สงครามการค้า ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า เอสซีจีมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร (cash & cash under management) 4สงครามการค้า,573 ล้านบาท สอดคล้องกับแผนการลงทุนและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยังไม่แน่นอน รวมทั้งการทบทวนโครงการลงทุน โดยเน้นโครงการที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้รวดเร็ว เช่น การซื้อหุ้น Fajar ซึ่งจะสามารถรวมผลการดำเนินงานเข้ามาในธุรกิจแพคเกจจิ้งของเอสซีจีได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า นี้ ส่วนโครงการลงทุนสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าให้ธุรกิจที่ได้ลงทุนไปแล้ว อย่างโครงการปิโตรเคมีครบวงจรในเวียดนามหรือ LSP ก็ได้เร่งดำเนินการให้สำเร็จตามแผน
          นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงาน อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโรงงาน โดยสามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 77 เมกะวัตต์ ทำให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ช่วยให้ประหยัดได้ 35รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ล้านบาทต่อปี และการเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงาน(Waste to energy) เช่น การผลิตไฟฟ้าจากของเสียในการผลิตกระดาษ โดยมีกำลังการผลิต 9.6 เมกะวัตต์ ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยี ทั้งการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และการสร้างสตาร์ทอัพในองค์กร รวมทั้งการสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
          เอสซีจียังเน้นการขยายโอกาสส่งออกตามทิศทางของตลาดโลก เช่น ธุรกิจแพคเกจจิ้งที่ส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปยังจีนและกลุ่มประเทศในอาเซียนเพิ่มขึ้น หรือธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ส่งออกสินค้ากลุ่มฝ้าและผนังไปจำหน่ายในเกาหลีใต้ ก่อนมีแผนจะขยายตลาดไปยังโซนยุโรปเพิ่มเติมอีกด้วย" นายรุ่งโรจน์ กล่าวปิดท้าย
          ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ในอัตรา 7.รุ่งโรจน์ รังสิโยภาสรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 8,4รุ่งโรจน์ รังสิโยภาสรุ่งโรจน์ รังสิโยภาสล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ สงครามการค้า3สิงหาคม สงครามการค้า56สงครามการค้า กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม สงครามการค้า56สงครามการค้า และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 9 สิงหาคม สงครามการค้า56สงครามการค้า
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562
 
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562
 
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562
 
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562

ข่าวรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส+ผลประกอบการไตรมาสวันนี้

PSH ตั้ง "รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" นั่งประธานบอร์ด ดึง "แมนพงศ์ เสนาณรงค์" นั่งกรรมการอิสระ ควบ ประธานคณะกรรมการลงทุน

PSH ตั้ง "รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" นั่งประธานบอร์ด ดึง "แมนพงศ์ เสนาณรงค์" นั่งกรรมการอิสระ ควบ ประธานคณะกรรมการลงทุน เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH มีมติแต่งตั้ง นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส สำเร็จการศึกษา MBA จาก Harvard Business

เอสซีจีได้คะแนนสูงสุดจากดัชนีความยั่งยืนด... เอสซีจี ได้คะแนนสูงสุดด้านความยั่งยืนจาก DJSI — เอสซีจีได้คะแนนสูงสุดจากดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ หรือ DJSI ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นผลจากการดำเนิ...

เอสซีจีผสานความร่วมมือกระทรวงต่างประเทศ เ... เอสซีจีส่งมอบเตียงสนามกระดาษและสุขากระดาษ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกี — เอสซีจีผสานความร่วมมือกระทรวงต่างประเทศ เร่งส่งมอบเตียงสนามกระดาษ...