นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การพัฒนาผู้ประกอบการ ให้มีศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมีหลายวิธี ซึ่งการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมในรูปแบบคลัสเตอร์ นับเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถเพิ่มผลิตภาพและนวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรมซึ่งที่ผ่านมา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) มีการพัฒนาการรวมกลุ่มมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 จนเกิดเป็นคลัสเตอร์ในสาขาอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้วมากกว่า 90 กลุ่ม โดยคลัสเตอร์เครื่องสำอาง นับเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่ามูลค่าการส่งออกเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวของประเทศไทยไปต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2561 มีมูลค่าสูงกว่า 94,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2560 เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนหลักจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และผิวพรรณ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าปี พ.ศ. 2562 ธุรกิจดังกล่าวยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเครื่องสำอางไทยที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดสากลได้มากขึ้น
"กสอ. จึงได้ขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างและพัฒนาคลัสเตอร์ครื่องสำอางไทย ด้วยการส่งเสริมกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้น มากกว่า 30 ราย โดยมีการส่งเสริมและพัฒนาอย่างครบวงจร ทั้งในด้านกระบวนการผลิต การตลาด การจัดทำมาตรฐาน รวมถึงการขยายช่องทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสมาชิกกลุ่มคลัสเตอร์ดังกล่าว แม้จะเป็น SMEs แต่ก็สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันในปี 2561 ได้กว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สมาชิกของกลุ่มฯ ยังมีการเชื่อมโยงกับองค์กรภายนอก ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเชื่อมโยงทางการค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเชื่อมโยงกับ ช็อปแชแนล (SHOP Channel) ภายใต้เครือสหพัฒน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภค การร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดหลักสูตรการพัฒนาผู้ประกอบการเครื่องสำอางโดยเฉพาะ และการจัดงานประกวดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทย (THAILAND Cosmetic Contest) รวมถึงการสร้างแบรนด์ TCOSภายใต้กลุ่มฯ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จนสามารถผลิตสินค้าได้อย่างสร้างสรรค์ มีมาตรฐาน และมีแบรนด์เป็นของตนเอง อีกทั้งยังสามารถสร้างชื่อเสียง สร้างความเชื่อมั่น และการยอมรับในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยในตลาดสากลมากขึ้น
สำหรับกิจกรรมแสดงสินค้าเครื่องสำอางไทย "DIP Best Beauty 2019" ในวันนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2562 เพื่อแสดงศักยภาพของคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย และผู้ประกอบการสมาชิกกลุ่มคลัสเตอร์เครื่องสำอางที่ได้รับการพัฒนาผ่านโครงการของ กสอ. ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และการสร้างตราสินค้า นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษ รวมทั้งสิ้น 50 ราย อันจะส่งผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ
ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการให้บริการเสริมความงามด้านต่าง ๆ อาทิ การตกแต่งทรงผม นวดหน้า ต่อขนตา และทำเล็บ ตลอดจนการสอนเทคนิคการแต่งหน้า และการดูแลสุขภาพความงาม โดยกูรูผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตลอดงาน อีกทั้งบริเวณด้านนอกอาคารยังได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายธุรกิจ Food Truck นำอาหารนานาชนิดมาจำหน่ายหมุนเวียนตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และมียอดคำสั่งซื้อตามมาอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท นายกอบชัย กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit