ด้านนางอ้อย จันทรธิมา เกษตรกรบ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรภายใต้โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้สนับสนุนนำร่องเกษตรกรในพื้นที่หมู่บ้านสบขุ่น จ.น่าน ทดลองปลูกกาแฟเป็นพืชทางเลือกในการสร้างรายได้แก่เกษตรกรควบคู่ไปกับการดูแลและพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เป็นอีกพื้นที่ในภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเผาป่าและลุกลามไหม้สวนกาแฟของชาวบ้านเกิดความเสียหายรวมกว่า 500 ต้น โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์การทำแนวกันไฟป่าและอุปกรณ์ดับไฟป่า ภายใต้ "โครงการสบขุ่นร่วมใจ ทำแนวป้องกันไฟป่า 2562" เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการเผาป่าและหมอกควันในพื้นที่ หมู่บ้านสบขุ่น หมู่ที่ 7 ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ 323 ครัวเรือนที่ดูแลผืนป่าสมบูรณ์ในเขตดอยวาว อุทยานแห่งชาตินันทบุรี
นายจอมกิตติ ศิริกุล ผู้บริหารด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างใกล้ชิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะจ.เชียงใหม่ ที่พบหมอกควันพิษที่เกิดจากการเผาป่าจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เครือฯจึงได้ร่วมกับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่บ้านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ. เชียงใหม่ และบ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน จัดทำแนวป้องกันไฟป่า ตลอดจนให้การสนับสนุนภารกิจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ด้วย ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานด้านการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ดำเนินการอยู่ในเขต ปิง – วัง – ยม – น่าน ได้แก่ พื้นที่ต้นน้ำปิง (อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) ,พื้นที่ต้นน้ำวัง (อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง) , พื้นที่ต้นน้ำยม (อ.ปง จ.พะเยา) และ พื้นที่ต้นน้ำน่าน (ในหลายอำเภอของ จ.น่าน) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนปี 2563 ภายใต้กรอบการทำงาน 3Hs คือ HEART-มุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยใจที่ยั่งยืน HEALTH-มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืน HOME-มุ่งมั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit