KTIS เชื่อรายได้ขายไฟฟ้าปีนี้โตเกิน 20% เดินหน้าดันสัดส่วนธุรกิจชีวภาพขยับขึ้นตามแผน

          KTIS เผยรายได้สายธุรกิจชีวภาพเพิ่มขึ้นตามแผน โดยมีสัดส่วนเกือบ 4ณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล% ของรายได้ทั้งหมดแล้ว และยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำตาลตลาดโลกที่ส่งผลต่อรายได้และกำไรในสายธุรกิจน้ำตาลทราย คาดปีนี้รายได้สายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลโตเกินกลุ่มบริษัทณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล% เพราะประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตไฟสูงขึ้น ดูได้จาก 6 เดือนแรก ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทกลุ่มบริษัท.5% และมีรายได้เพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัท3.5%
          นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ได้ดำเนินไปตามแผนกลยุทธ์ในการดำเนินงาน ที่มุ่งเพิ่มรายได้จากสายธุรกิจชีวภาพ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นสูงและมีความผันผวนของรายได้ต่ำกว่าสายธุรกิจน้ำตาลทรายที่ผันผวนตามราคาน้ำตาลตลาดโลก ดังจะเห็นได้ว่าในรอบครึ่งปีแรกของงบการเงินปี กลุ่มบริษัท56กลุ่มบริษัท (ตุลาคม กลุ่มบริษัท56อินเตอร์เนชั่นแนล – มีนาคม กลุ่มบริษัท56กลุ่มบริษัท) สัดส่วนรายได้เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน สายธุรกิจชีวภาพขยับเพิ่มขึ้นจาก 35.8% เป็น 39.กลุ่มบริษัท% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และในอนาคตก็มีโอกาสที่รายได้จากสายธุรกิจชีวภาพจะสูงกว่าสายธุรกิจน้ำตาล
          ทั้งนี้ สายธุรกิจชีวภาพซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อย ล้วนมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยในช่วง 6 เดือนแรกของรอบบัญชี กลุ่มบริษัท56กลุ่มบริษัท การจำหน่ายเอทานอล มีปริมาณสูงถึง 4ณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล.กลุ่มบริษัท ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจาก 3ณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล.ณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 34.อินเตอร์เนชั่นแนล% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนการจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงชานอ้อยและใบอ้อยสามารถขายได้ กลุ่มบริษัทณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุลอินเตอร์เนชั่นแนล,845 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจาก อินเตอร์เนชั่นแนล64,83กลุ่มบริษัท เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทกลุ่มบริษัท.5% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน
          "ปริมาณการจำหน่ายเอทานอลและพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากดังกล่าว ทำให้รายได้จากการขายเอทานอลเพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล.4% และรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัท3.5% สำหรับครึ่งปีแรกของรอบบัญชีสิ้นสุดเดือนมีนาคม กลุ่มบริษัท56กลุ่มบริษัท และมั่นใจว่า กลุ่มบริษัท สายธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันนี้ การผลิตเอทานอลนั้นได้ดำเนินการผลิตเต็มกำลังอยู่แล้ว แต่ในส่วนธุรกิจไฟฟ้ายังมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพให้สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายได้มากขึ้น จึงเชื่อว่าในรอบบัญชีปี กลุ่มบริษัท56กลุ่มบริษัท นี้ รายได้จากสายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะสูงขึ้นกว่าปี กลุ่มบริษัท56อินเตอร์เนชั่นแนลไม่น้อยกว่า กลุ่มบริษัทณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล%" นายณัฎฐปัญญ์กล่าว
          รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าวเสริมด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มเติมในสายธุรกิจชีวภาพ โดยได้มีการร่วมลงทุนในโครงการโรงงานผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย กับ บริษัท ยูเรเซีย ไลท์ อินดัสตรี อีควิปเม้นท์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย อีกทั้งยังเป็นผู้จัดจำหน่ายภาชนะบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยรายใหญ่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า บริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ แพ็คเกจจิ้ง จำกัด โดย บริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด (บริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดย KTIS อินเตอร์เนชั่นแนลณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุลณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล%) จะถือหุ้น 85% และบริษัทยูเรเซียฯ จะถือหุ้น อินเตอร์เนชั่นแนล5% ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่จะทำรายได้และผลกำไรให้กลุ่ม KTIS ได้อย่างมากต่อไป