นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ดิจิทัล เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาลที่มีเป้าหมายนำไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยทีเส็บมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่มุ่งเน้น 3 เป้าหมายหลัก คือ การสร้างรายได้ การพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม และการสร้างความเจริญกระจายรายได้
"ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% ซึ่งหากมีเครื่องมือทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนจะมีโอกาสเติบโตได้อีกถึงปีละ 20% ทีเส็บมองเห็นโอกาสการสร้างพันธมิตรใหม่ที่มีความแข็งแกร่ง และขยายการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ไปสู่สตาร์ทอัพหรือกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้ไมซ์เป็นแพลทฟอร์ม นำไปสู่การพัฒนาวงจรของธุรกิจไมซ์ให้กว้างออกไปและเข้มแข็งขึ้น มีช่องทางสร้างธุรกิจใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความรู้ต่อยอดการจัดงานไมซ์ให้ดียิ่งขึ้น และแข่งขันในธุรกิจไมซ์นานาชาติได้อย่างยั่งยืน"
ทีเส็บ เริ่มโครงการ Thailand's MICE Startup ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีในการจัดอีเวนท์ด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ NSTDA เพื่อเป็นเวทีพัฒนาธุรกิจ แบ่งปันความรู้ความเข้าใจในธุรกิจไมซ์กับเครือข่ายด้านนวัตกรรมทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างเวทีกิจกรรมและการจัดงานไมซ์ด้วยนวัตกรรม เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ (Business) นักออกแบบ (Designer) และนักพัฒนา (Developer) ร่วมระดมความคิดนำไปสู่การยกระดับภาคอุตสาหกรรมไมซ์และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startups) เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
โครงการ Thailand's MICE Startup เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลกจำนวน 47 ทีม ทั้งจากไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเช็ก อินเดีย ฯลฯ โดยมีโจทย์ให้นำเสนอไอเดียนวัตกรรมการพัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อม ปัญญาประดิษฐ์ การให้บริการลูกค้า การขนส่งสินค้า และการพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานในธุรกิจไมซ์ จากนั้นได้คัดเลือกเพียง 12 ทีม โดยเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจากนวัตกรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โมเดลธุรกิจมีความยั่งยืนทางการเงินอย่างมั่นคง ผู้ก่อตั้งมีความรับผิดชอบเข้าร่วมในกิจกรรมของโครงการ ความเป็นทีมเวิร์ค ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม
ผู้เข้ารอบทั้ง 12 ทีมจะแข่งขันนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีแก่ธุรกิจไมซ์ต่อคณะกรรมการในรอบพิจารณาตัดสินในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 เพื่อคัดเลือกผู้ชนะ 3 ทีมที่โดดเด่นเข้าสู่ "โครงการบ่มเพาะ Thailand's MICE Startup" ด้วยความร่วมมือกับอิมแพคเทค (ไทยแลนด์) โดยทั้ง 3 ทีมจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ในการพัฒนาไอเดียเป็นเทคโนโลยี หรือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการในธุรกิจไมซ์และนักลงทุนให้สามารถนำไปใช้งานได้จริงในเชิงพาณิชย์ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นทีมผู้แทนประเทศไทย นำเสนอผลงานในการแข่งขันรอบสุดท้ายในงานประชุมของสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก หรือ UFI ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
ทางด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า "NIA ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพให้มีความเข้มแข็ง และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านโครงการบ่มเพาะ การให้ทุนสนับสนุน รวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้างความเข้มแข็งของสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมไมซ์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีช่องทางและโอกาสในการเติบโต โดย NIA และ ทีเส็บ มีความร่วมมือในการส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยด้วยนวัตกรรมเพื่อส่งเสริม สนับสนุน ผลักดัน และยกระดับประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อมุ่งสร้างภาพลักษณ์ด้านนวัตกรรมของประเทศไทยให้มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ผ่านการนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานโลกและก้าวสู่ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ของอาเซียน รวมถึงการพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมให้แก่บุคลากรทุกระดับในอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในฐานะเป็นประเทศแห่งนวัตกรรม (Innovation Nation)
สำหรับการจัดกิจกรรมการประกวดการแข่งขันไอเดียนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์ในครั้งนี้ NIA เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งการบ่มเพาะเสริมสร้างความสามารถ และการสนับสนุนให้เกิดการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านเครือข่ายของ NIA ในระบบนิเวศสตาร์ทอัพทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ"
นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงาน (กลุ่มงานเศรษฐกิจดิจิทัล) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa กล่าวว่า ผลผลิตจากเวที Thailand's MICE Startup เกิดขึ้นจากความร่วมมือ ผลักดันของ 3 องค์กร ระหว่าง depa NIA และ ทีเส็บ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นสัญญาณดี ที่หน่วยงานภาครัฐ ได้
Co-Create โครงการใหม่ๆ ร่วมกัน ซึ่งนอกจากจะได้สินค้าและบริการที่มีไอเดียใหม่ๆ สามารถนำมาต่อยอดให้อุตสาหกรรม MICE ในประเทศไทยได้แล้วนั้น ยังแจ้งเกิด Startup หน้าใหม่ เข้าสู่ระบบนิเวศ เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น depa เองก็พร้อมจะสนับสนุน ผลักดันให้กลุ่มเครือข่ายเหล่านี้ ได้รับการส่งเสริมผ่านเครื่องมือต่างๆ ที่ทางสำนักงานมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น โครงการ depa Accelerator x Techsauce ที่มีจุดประสงค์ในการบ่มเพาะ Startup, โครงการ Tech Tycoon เน้นให้การสร้าง Networking ระหว่างผู้ประกอบการ รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนผ่านมาตรการ Startup Fund ในระยะต่างๆ ตั้งแต่ 1 ล้าน ในระยะเริ่มต้นและสูงสุด 5 ล้านบาท ในระยะเติบโต หรือ การส่งเสริมผ่านคูปอง Internationalization Voucher ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปต่อยอดขยายตลาดอุตสาหกรรมดิจิทัลในต่างประเทศ แม้แต่กลุ่ม SMEs เอง ทาง depa ก็มีมาตรการ Digital Transformation Funds สำหรับสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องมือต่างๆ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อครอบคลุมความต้องการในแต่ละประเภทของธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เป็นระดับแนวหน้าของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้
นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ NSTDA กล่าวว่า "ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพและผลักดันผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยมีทิศทางการเติบโตที่ดี ควบคู่กับการสนับสนุนของรัฐบาลที่ต้องการให้ธุรกิจไมซ์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น โครงการ Thailand's MICE Startup นี้จึงเป็นเวทีที่จะเฟ้นหานวัตกรรมดีๆ เพื่อเข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้นักพัฒนาและ startups ได้เรียนรู้แนวทางการออกแบบและพัฒนาผลงาน เพื่อตอบโจทย์ และขยายผลไปสู่เชิงพาณิชย์ รวมถึงต่อยอดไปสู่การร่วมลงทุน ผ่านโปรแกรมการเตรียมความพร้อมและกิจกรรมบ่มเพาะของโครงการ ภายใต้ความร่วมมือของการสนับสนุนจากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งมีความพร้อมในด้านต่างๆ"
นอกจากนี้ ทีเส็บยังได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เริ่มตั้งแต่การร่วมเป็นกรรมการคัดเลือก Startups ไปจนถึงการส่งเสริมกิจกรรมเพิ่มความรู้และความแข็งแกร่งให้ผู้ชนะทั้ง 3 ทีมตลอดโครงการ รวมถึงสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติกับสมาคมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของสิงคโปร์ หรือซาซิออส (SACEOS) จัดโปรแกรมแลกเปลี่ยนรู้ร่วมกันในหัวข้อ "การพัฒนานวัตกรรมและ Startups ในธุรกิจไมซ์" ระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือในโครงการพัฒนา Startups ร่วมกันในอนาคต เช่น การแลกเปลี่ยน Startups (Startups Exchange Program) การแลกเปลี่ยนไอเดียนวัตกรรม และการเปิดโอกาสให้ Startups จากทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนนำเสนอผลงานในเวทีระดับนานาชาติ
"การบูรณาการทำงานพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานไมซ์ร่วมกับพันธมิตรครั้งนี้ นอกจากจะช่วยตอบโจทย์การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจไมซ์ไทยแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสตาร์ทอัพใหม่ๆ สร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจและเครือข่ายเหล่าผู้นำสตาร์ทอัพในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักและเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีระดับนานาชาติอีกด้วย" ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit