ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกิจกรรมออมเพื่อให้ ตามรอยพ่อ ในปีที่ 2 นี้ว่า เป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงสืบสานพระราชปณิธาน และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพัฒนาและดูแลความเป็นอยู่ของพสกนิกร เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระราชจริยวัตรในการเป็น "กษัตริย์นักออม" และ "กษัตริย์ผู้ให้" ของรัชกาลที่ 9 รวมไปถึงเพื่อต่อยอดการปลูกฝังวินัยการออม และการเป็นผู้ให้แก่สังคม ด้วยการนำเงินออมนั้นร่วม สมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์แก่อาคารนวมินทรบพิตร84 พรรษา
อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส และลดปัญหาความแออัดของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศิริราชเผชิญมาโดยตลอด ซึ่งนี่เป็นพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการสร้างความเท่าเทียมและคุณภาพชีวิต ที่ดีแก่ผู้ป่วยด้อยโอกาส ทางโรงพยาบาลศิริราชอยากให้คนไทยทุกคนได้ร่วมสานต่อพระราชปณิธาน สุดท้ายของพระองค์ ทำประโยชน์เพื่อสังคมด้วยการสร้างอาคารหลังนี้ให้เกิดขึ้น จึงได้จัดโครงการ ระดมทุนมากมายและหลากหลายรูปแบบ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนทุกอาชีพ ทุกพื้นที่ และทุกสถานะ ตั้งใจให้อาคารหลังนี้เป็นตัวแทนของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย เป็นจุดศูนย์รวมให้ทุกคน ได้เข้ามาทำดี ทำประโยชน์ ช่วยเหลือกันและกันตามรอยพระองค์ท่าน"
กิจกรรม "ออมเพื่อให้ ตามรอยพ่อ" เป็นหนึ่งในกิจกรรมระดมทุนเพื่ออาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีปฏิบัติในด้านการออม ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเกิดเป็นโครงการรณรงค์ให้คนในสังคมเดินตามรอยพ่อ ส่งเสริมและปลูกฝัง นิสัยการออมและการแบ่งปันแก่สังคมไทย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนถึงกว่า 139,000 คน จนมียอดออมสมทบทุนถึง 111 ล้านบาท
ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ กล่าวถึงเป้าหมายของกิจกรรมออมเพื่อให้ ตามรอยพ่อ ในปีที่ 2 นี้ "กิจกรรมออมเพื่อให้ ตามรอยพ่อ เป็นกิจกรรมระดมทุนที่ต่างจากโครงการอื่น เพราะเป้าหมาย หลักคือต้องการปลูกฝังการออมให้แก่ประชาชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะปลูกฝังกันได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ในปีนี้เราจึงได้จัดกิจกรรมขึ้นอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการออมอย่างต่อเนื่อง จนเป็น นิสัย ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ซึ่งในปีนี้เรามีการปรับรูปแบบ การเข้าร่วมให้ตอบกับเป้าหมายของโครงการมากขึ้น โดยเราได้องค์กรจิตอาสา คือ ธนาคารกรุงเทพเข้ามา ช่วยเหลือในด้านการจัดการตลอดกระบวนการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทุกคนสามารถ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนี้ได้"
นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า "ในมิติของการเป็นธนาคารที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน ปลุกจิตสำนึกคนไทยให้มีวินัยทางการเงิน ใช้เงิน อย่างรู้คุณค่า ถือเป็นพันธกิจหนึ่งของธนาคาร ซึ่งการอาสาเข้ามาสนับสนุนกิจกรรมนี้นอกจากจะมุ่งหวัง ให้เกิดพฤติกรรมการออมที่ดี เพื่อเป็นรากฐานแห่งความพอเพียงและมั่นคงทางการเงินของสังคมไทยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือการที่เราได้นำความถนัดของธุรกิจธนาคารมาร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีแก่สังคม เป็นช่องทางให้ ประชาชนได้เข้าถึงกิจกรรมดีๆ นี้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ โดยเรามีกว่า 1,163 สาขาที่เปิดรับสมัคร 'นักออม เพื่อให้ ใน 77 จังหวัด มีระบบออนไลน์แบงก์กิ้งที่แข็งแกร่งเพื่ออำนวยความสะดวกในส่วนของการโอนเงิน ออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์"
โดยมีทั้งการสแกน QR Code ผ่านโมบายแบงก์กิ้งของทุกธนาคาร และการสแกน Barcode ผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) เอทีเอ็ม (ATM) หรืออินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง (Internet Banking) ของทุกธนาคาร หรือผ่านเคาน์เตอร์สาขาของธนาคารกรุงเทพ
รูปแบบการออมในปีนี้จะเน้นให้ประชาชนได้ฝึกฝนการออมทุกวันโดย
ขั้นที่ 1 ลงทะเบียนเป็น 'นักออมเพื่อให้' โดยสามารถสมัครด้วยตนเองที่ธนาคารกรุงเทพ 1,163 สาขา ทั่วประเทศ ในวันที่ 16 – 25 พฤศจิกายน 2561หรือ สมัครผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.savingforgiving.com ในวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2561 โดยมีเงื่อนไขการสมัครคือ 1 บัตรประชาชน ต่อ 1สิทธิ์ เพื่อแลกรับกระปุกได้ไม่เกิน 3 กระปุก โดยไม่ซ้ำแบบ
ขั้นที่ 2 ออมเงินทุกวันโดยมีระยะเวลาในการออม นับตั้งแต่วันนี้ – 15 มกราคม 2562 กำหนดเป้าหมายเงินออม 450 บาทต่อ 1 กระปุก
ขั้นที่ 3 โอนเงินออมจากความมีวินัยและความเพียร เพื่อร่วมสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ ทางการแพทย์ ของอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โดยสามารถโอนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโอนด้วยตัวเอง ที่สาขาธนาคารกรุงเทพ ได้ในช่วงวันที่ 16 – 22 มกราคม 2562
ขั้นที่ 4 รับกระปุกออมเงินสัญลักษณ์จำลองอุปกรณ์ทรงงาน 3 แบบ ได้แก่ วิทยุสื่อสาร กล้องถ่ายรูป และรถจี๊ป ซึ่งเป็นพระราชพาหนะทรงงาน โดยหากแจ้งความประสงค์จะรับด้วยตนเอง ที่สาขาธนาคารกรุงเทพ สามารถรับได้ในช่วงวันที่ 16 – 22 มกราคม 2562 และหากแจ้งรับทางไปรษณีย์ จะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit