Robowealth เปิดตัวบริการใหม่ “INDEGO” เจาะตลาดกลุ่มลูกค้า High-Net-Worth ในงานสัมมนาลูกค้า Disruptive Wealth-Tech and Investment Strategy

13 Mar 2019
บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด ผู้นำด้าน Wealth Tech ขยายขอบเขตการให้บริการตามแผนธุรกิจปี 62 เปิดตัวแบรนด์ "INDEGO" (อินดิโก้) ลุยตลาดผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีเงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป ชูแนวคิด "High-Tech with High-Touch" ด้วยการผสมผสานความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Robo-advisor ล่าสุด ให้เข้ากับการดูแลลูกค้าแบบใกล้ชิด ผ่านที่ปรึกษาการลงทุนมืออาชีพ สร้างมาตรฐานเหนือระดับดึงดูดใจลูกค้า High-Net-Worth ที่มองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนบุคคล พร้อมแนะนำผู้บริหารผู้คร่ำหวอดในวงการ "กมลวรรณ สุชาตานนท์" นั่งแท่น Managing Director - Private Wealth Management
Robowealth เปิดตัวบริการใหม่ “INDEGO” เจาะตลาดกลุ่มลูกค้า High-Net-Worth ในงานสัมมนาลูกค้า Disruptive Wealth-Tech and Investment Strategy

ชลเดช เขมะรัตนา Chief Executive Officer เปิดเผยว่า "หลังจากบริษัทได้เปิดตัวบริการ Robo-advisor เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ "odini" (โอดีนี่) และประสบความสำเร็จในการให้บริการลูกค้ารายย่อยไปเมื่อปีที่แล้ว ในปี 2562 นี้ เราพร้อมแล้วที่จะให้บริการกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีเงินลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ "INDEGO" (อินดิโก้) ทำให้ขณะนี้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการของ บลน. โรโบเวลธ์ มีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับความพร้อมของบริษัท เราจึงได้จัดงานสัมมนา "Disruptive Wealth Tech & Investment Strategy" เพื่อเปิดตัว "INDEGO" อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเผยถึงมุมมองแบบ Thematic Investment และกลยุทธ์การลงทุนของปี 2562"

ทั้งนี้บริษัทยังได้รับเกียรติจาก กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธานสมาคมฟิคเทคประเทศไทย ให้เกียรติร่วมเสวนาในหัวข้อ "Fintech Disruptive and Capital Market" และ ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้เขียนหนังสือ China 5.0 ร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจจีน ในหัวข้อ "China Becoming the Largest Economy"

วรยุทธ พิกุลสวัสดิ์ Head of Investment Strategy เผยถึงการลงทุนแบบ Thematic Investment ว่าเป็นการวิเคราะห์ภาพรวมของทิศทางกระแสหลักของโลก ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากนั้นจึงเจาะไปยังกลุ่มบริษัทที่น่าสนใจในแต่ละภาคอุตสาหกรรม และคัดเลือกกองทุนรวมที่ลงทุนในบริษัทนั้น ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า (Long-Term Growth) โดยแบ่งเป็น 3 ธีมหลัก ได้แก่ Disruptive World, China New Economy และ Population Power

กรณ์ จาติกวณิช กล่าวถึงมุมมอง Fintech Disruption ว่า "ประเทศไทยยังมี Pain Point ด้านการเข้าถึงการลงทุนอยู่มาก แม้จะเป็นประเทศที่ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง มีการพัฒนา และมีกำไรสูงเมื่อเทียบกับทั่วโลก แต่ประชาชนโดยรวมกลับยังเข้าถึงตลาดทุนได้ไม่สะดวกนัก เทคโนโลยีด้านฟินเทคที่เข้ามา จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความเสมอภาค ในการช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนที่มีผลตอบแทนมากกว่า 6-7% เพื่อให้มีเงินเพียงพอไว้ใช้ในยามเกษียณได้ ซึ่งการนำระบบ AI มาต่อยอดจะช่วยพัฒนาโครงสร้างในระบบการเงินการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากความ Hi-Tech ในแง่ของเทคโนโลยีแล้ว ความ Hi-Touch เองก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยถือเป็นข้อได้เปรียบที่แข่งขันกันได้ยาก เพราะนวัตกรรม Robo-advisor เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนที่ดี มีความเป็นกลาง (Unbias) แม่นยำกว่ามนุษย์ มีความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ในขณะเดียวกัน บริการที่เป็น Hi-Touch ซึ่งมีมนุษย์ร่วมสนับสนุนในการตัดสินใจ และการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด ก็มีผลต่อประสบกาณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรลูกค้าก็ยังต้องการคน หรือที่ปรึกษาทางการเงินในการดูแล พูดคุยและให้คำปรึกษาอยู่"

ชลเดช เขมะรัตนา กล่าวเสริมว่า "เปรียบเสมือนระบบ Auto Pilot ของเครื่องบิน ที่อาศัยทั้งความทันสมัยของเครื่องบิน และยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญของนักบินประกอบกัน โดยบริการด้านการลงทุนในลักษณะนี้ กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศในชื่อรูปแบบบริการ Robo-for-advisors หรือ Advisor 2.0 นอกจากนี้ Robo-advisor ชั้นนำของโลก ต่างก็พัฒนาต่อยอดบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการขยายขอบเขตของบริการ เช่น การรับฝากเงิน การให้บริการ Debit Card รวมถึง การปล่อยกู้ เป็นต้น"

ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร กล่าวถึงภาพรวมของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ของประเทศจีนว่า "ความเชื่อมั่นของคนจีนด้านการจับจ่ายใช้สอย มีผลกับการท่องเที่ยวทั่วโลกมาก เนื่องจากประชากรจีนมีจำนวนมาก สำหรับภายในประเทศจีนนั้น รัฐบาลจีนมองว่าระยะสั้นอาจมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โลก หรือ สงครามทางการค้าที่มากระทบ ปัญหาการผลิตเกินตัวในภาคอุตสาหกรรม ปัญหาหนี้สินในครัวเรือน และการเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทางรัฐบาลจีนตระหนัก และได้เตรียมการสร้างสมดุล และรักษาเสถียรภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบาดจนเป็นวิกฤต แต่มั่นใจว่าในระยะยาว ประเทศจีนจะยังคงเป็นผู้นำเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมอง Trade War ว่าอาจกลายเป็น Tech War ได้ในที่สุด ส่งผลให้จีนทุ่มงบประมาณในการทำ R&D โดยเฉพาะกับการพัฒนา AI เพื่อเตรียมรับมือล่วงหน้า ทั้งปัญหาจากสังคมผู้สูงวัย การขาดแรงงาน รวมถึงตอบโจทย์ทางเศรษฐกิจและการเมือง วางเป้าหมายในปี 2020 ประเทศจีนจะไม่มีคนจน รวมถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้าน Big Data และการเป็นฐานรากของเศรษฐกิจอีกด้วย"

พสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ให้มุมมองของผู้ประกอบการว่า "ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังประเทศไทยถึง 30% ของปริมาณนักท่องเที่ยว 38 ล้านคน ซึ่งเม็ดเงินที่ใช้จ่ายทั้งหมดของนักท่องเที่ยวจีนในปีที่ผ่านมา สูงถึง 250,000 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ ในปี 2015 – 2018 คนจีนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยถึง 300,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินใหญ่มาก ดังนั้นในภาคการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังมีโอกาสจากนักท่องเที่ยวจีนอีกมาก สำหรับการลงทุนในจีนนั้น ธุรกิจด้านเทคโนโลยีน่าสนใจมาก เนื่องจากจีนไม่หยุดนิ่ง ทั้งในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่ผ่อนคลายลง การอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ดังนั้นการเข้าไปลงทุนในช่วงนี้จึงมีแนวโน้มการเติบโตสูงมาก นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวของการบริโภค และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้จีนมีมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยผ่าน e-Wallet สูงกว่าประเทศอื่นๆ มาก และยังมีบริษัทระดับ Unicorn มากถึง 88 ตัวในปัจจุบัน""ปัจจุบัน INDEGO (อินดิโก้) มีพอร์ตลงทุนเพื่อให้บริการลูกค้าซึ่งมีความหลากหลาย โดยแต่ละพอร์ตจะมีความโดดเด่นเฉพาะด้าน มีทั้งแบบการลงทุนเชิงรุกที่เน้นลงทุนผ่านกองทุนหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ แบบเน้นการจ่ายผลตอบแทนในรูปกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง หรือแบบเน้นความผันผวนต่ำ ซึ่งลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก แน่นอนว่าลักษณะการลงทุนสามารถออกแบบแผนการลงทุนแบบเฉพาะ ตามโจทย์หรือเป้าหมายที่ลูกค้าต้องการได้อีกด้วย" กมลวรรณ สุชาตานนท์ กล่าวเสริม

งานสัมมนา "Disruptive Wealth Tech & Investment Strategy" นี้ จัดขึ้นท่ามกลางลูกค้าคนพิเศษ ผู้บริหารจาก บลจ. ต่างๆ ที่ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ณ โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ โดยมี ศรุดา พัฒนาหิรัญ Chief Compliance Officer ชัยปกรณ์ จ.คุโนปกรณ์ Chief Investment Officer และทีมที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพให้การต้อนรับ

สำหรับผู้สนใจลงทุนกองทุนรวมผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://indegowealth.com/ หรือ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02 233 9995 ทุกวันทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9:00 - 18:00 น.

HTML::image( HTML::image( HTML::image(
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit