เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC รายงานผลการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 6,339,797,314 หุ้น ในอัตรา 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญใหม่ ราคาหุ้นละ 0.05 บาท ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ถึง 6,221,408,618 หุ้น หรือราว 98% จากจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด คิดเป็นเงิน 311,070,430.90 บาท การเพิ่มทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเกือบ 100% ครั้งนี้ ถือเป็นใบเบิกทางจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมโดยตรง สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนและความเชื่อมั่นในทีมงานผู้บริหารและนโยบายโครงสร้างธุรกิจใหม่ นอกจากนั้นผู้บริหารมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าธุรกิจอาหารจะเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต
"การเข้าซื้อบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ("เบค") ถือเป็นการผันตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารครั้งแรกของ EIC และเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท ถึงแม้ว่าธุรกิจอาหารจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและมีความผันผวนมาก แต่ก็เป็นเพียงความผันผวนในระยะสั้นๆ ถ้าพิจารณาถึงอัตราการเติบโตที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจมากเนื่องจากเป็นธุรกิจเงินสด ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี และยังเป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุนในการขยายมากนัก ทำให้บริษัทมี sunk cost น้อย วันนี้ บริษัทมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะเติบโตในธุรกิจอาหาร โดยบริษัทได้รับมาทั้งทีมงานและบุคลากรที่มีศักยภาพ และเครือข่าย Connection กับห้างชั้นนำจากเบค และบริษัทยังมีแหล่งเงินทุนที่ได้รับจากการเพิ่มทุนสำหรับการขยายสาขาและการทำ Marketing ซึ่งปัจจัยทั้งสามนั้นล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจอาหารประสบความสำเร็จ ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจอาหารส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และก็เลิกกิจการไป มักเกิดจากการที่มีปัจจัยเหล่านี้ไม่ครบถ้วนหรือไม่แข็งแกร่งเพียงพอ" นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินกล่าว
"บริษัทอยู่ระหว่างการเริ่มดำเนินตามแผนธุรกิจใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการเตรียมงานและดำเนินงานช่วงหนึ่ง โดยคาดว่าจะลงตัวและมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ซึ่งหากบริษัทสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้สำเร็จ ทางทีมผู้บริหารมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ" นายศิรัตน์กล่าวต่อไป
ทั้งนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นได้ให้ความเห็นว่า พวกเขาเชื่อมั่นว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตไปได้สูง แม้เทรนด์ของอาหารจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแบรนด์ต้องมีการพัฒนาทั้งเมนูและโปรโมชั่นให้เป็นที่ถูกใจต่อผู้บริโภค ในส่วนของเบค ชีส ทาร์ต เป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นและเห็นแนวทางการดำเนินธุรกิจชัดเจนมาตลอด คิดว่าทีมงานกลุ่มนี้มีศักยภาพในการสรรหาแบรนด์ดีๆ สูงมาก หากหาแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง การผันธุรกิจให้เข้าไปสู่ทางนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าห่วง ในทางกลับกันการลงทุนนี้น่าเชื่อมั่นมากว่าบริษัทจะสามารถพลิกฟื้นรายได้ขึ้นมาได้จากการค้าขายอาหาร แน่นอนว่าในฐานะผู้ถือหุ้น/นักลงทุนก็ย่อมหวังผลกำไรจากเงินที่ลงทุนไป แต่พร้อมจะให้เวลากับบริษัทในการพิสูจน์ฝีมือทำแผนฟื้นฟูครั้งนี้ให้สำเร็จ และหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมาในอนาคตอันใกล้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit