ไฮเวย์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ชั้นนำ เดินหน้าสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ รุ่น FH13 440HP 6X4 Tandem Axle Lift จำนวน 26 คัน เพื่อรองรับแผนการขยายงานไปยังประเทศเมียนมาร์และประเทศลาว
นายวสันต์ ครรชิตศิริกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ไฮเวย์กรุ๊ป เปิดเผยว่าปัจจุบัน ไฮเวย์กรุ๊ป ดำเนินกิจการด้านโลจิสติกส์ มีรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้ามากถึง 70 คัน และจะทำการปลดระวางจำนวน 16 คันในปีนี้ แต่เนื่องจากจำนวนรถที่มีอยู่ขณะนี้ ไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเพียงพอ ไฮเวย์กรุ๊ป จึงได้สั่งซื้อรถหัวลากวอลโว่ ทรัคส์ รุ่น FH440 6X4 Tandem Axle Lift หรือ รถหัวลากขับเคลื่อนสองเพลา 440 แรงม้า เพลาหลังยกได้ จำนวน 26 คันเพื่อทดแทนรถที่ปลดระวางและเสริมทัพฟลีทรถให้เพิ่มขึ้นจาก 70 คันมาเป็น 80 คัน โดย 11 คันแรกได้ทำการรับมอบไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะดำเนินการรับมอบให้หมดภายในไตรมาสสาม
"ผมอยากจะบอกว่าเราอยู่ในช่วงที่ขาดแคลนรถใช้งานอย่างหนักเพราะการค้าระหว่างเมียนมาร์กับต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของเมียนมาร์ ได้เปลี่ยนรูปแบบจากขนส่งทางเรือมาเป็นขนส่งทางบก จึงทำให้เรามีโอกาสที่จะขนสินค้าแบบไป-กลับระหว่างไทยกับเมียนมาร์ได้มากขึ้น ทำให้เราต้องเพิ่มจำนวนรถให้สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจที่เปลี่ยนไป" นายวสันต์ กล่าว
นอกจากนี้ นายวสันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ ไฮเวย์กรุ๊ป อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการขยายธุรกิจรับขนส่งสินค้าผ่านแดนจากลาวไปยังประเทศเมียนมาร์ โดยผ่านประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน ไฮเวย์กรุ๊ปกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศพม่ากับพันธมิตร ชื่อบริษัท ไฮเวย์ ทรัคส์ เมียนมาร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากัน ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันนโยบายการให้บริการขนส่งในรูปแบบ Total Logistics Solution หรือบริการขนส่งแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์
"ลูกค้าของเราจะได้รับความสะดวกสบายอย่างมากจากการใช้บริการ Total Logistics Solution ของเราเพื่อขนสินค้าข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ ซึ่งเราจะให้บริการแบบครบวงจรเพื่อให้สินค้าสามารถผ่านแดนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง โดยเราจะรับดำเนินการด้านระบบศุลกากรของทั้งสองประเทศ การจัดหาบริษัทประกันภัย งานด้านเอกสารและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก" นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวว่าการขยายธุรกิจไปยัง สปป. ลาว และประเทศเมียนมาร์ นับเป็นแรงกดดันของ ไฮเวย์กรุ๊ป ให้เร่งพิจารณาแผนการสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ เพิ่มเติมอีก 12 คันในปีนี้จากที่ได้ดำเนินการสั่งซื้อไปแล้ว 26 คัน ทั้งนี้เพราะไฮเวย์กรุ๊ป ต้องการเตรียมความพร้อมเพื่อสามารถดำเนินการได้ทันทีหากโอกาสทางธุรกิจมาถึง
นายวสันต์ กล่าวถึงเหตุผลที่ไฮเวย์กรุ๊ป เน้นใช้รถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ สำหรับขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าเพราะวอลโว่ ทรัคส์ เป็นรถบรรทุกสายพันธุ์สวีเดนที่มีคุณภาพสูงตรงตามความต้องการของลูกค้าที่เน้นด้านความปลอดภัย คุณภาพของกระบวนการขนส่งและความประหยัดพลังงาน
"เราใช้วอลโว่ ทรัคส์ มาเกือบสองทศวรรษ และถ้าวอลโว่ ทรัคส์ คุณภาพไม่ดีพอ เราคงจะไม่ใช้วอลโว่ ทรัคส์ ต่อเนื่องมาเกือบสองทศวรรษ" นายวสันต์ กล่าว
นอกจากนี้ นายวสันต์ กล่าวว่าลูกค้าทุกรายมีความมั่นใจในการให้บริการของไฮเวย์กรุ๊ป ที่ใช้วอลโว่ ทรัคส์ในการขนส่งสินค้าในสภาพถนนขึ้น-ลงเขาและเต็มไปด้วยโค้งที่อันตรายตลอดเส้นทางระหว่างจังหวัดตากกับอำเภอแม่สอด สู่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ และยังขนส่งงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรถหัวลากรุ่นล่าสุดที่ได้สั่งซื้อ FH13 Tandem Axle Lift 440 แรงม้า ที่มาพร้อมด้วยพละกำลังขับเคลื่อนสองเพลาเหมาะสำหรับงานหนัก และเส้นทางวิบากเป็นระยะทางยาว แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของอะไหล่และประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงในเที่ยวขากลับเพราะสามารถยกเพลาหลังได้ ซึ่งตอบโจทย์งานขนส่งข้ามชายแดนอย่างมากนายวสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่าไฮเวย์กรุ๊ปเมื่อปีที่แล้ว ยอดขายเติบโตประมาณ 8% มาแตะที่ระดับเกือบ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะยังคงเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 8%
ทางด้าน มร. ลารส์ช อีริค ฟอร์สเบิร์ก รองประธานวอลโว่ ทรัคส์ อินเตอร์เนชันแนล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่าวอลโว่ ทรัคส์ มีความภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของไฮเวย์กรุ๊ป ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของวอลโว่ ทรัคส์ ในความเป็นพันธมิตรเสมือนหนึ่งเป็นหุ้นส่วนของลูกค้า
มร. ฟอร์สเบิร์ก กล่าวว่า วอลโว่ ทรัคส์ ในหลายประเทศ ได้ยึดถือหลักปฏิบัติเช่นเดียวกับประเทศไทยในการเป็นพันธมิตรที่ดีกับลูกค้า "ดังนั้น เมื่อลูกค้าประสบความสำเร็จ แน่นอนครับ มันย่อมเป็นความสำเร็จของเราด้วยเช่นกัน"
มร.ฟอร์สเบิร์ก กล่าวย้ำว่าวอลโว่ ทรัคส์ เป็นเพียงรถบรรทุกไม่กี่ยี่ห้อที่เหมาะสมกับสภาพถนนเชื่อมในจังหวัดตาก โดยเฉพาะอำเภอแม่สอดที่มีเส้นทางการเดินทางเป็นทางขึ้น-ลงเขาและคดเคี้ยวตลอดเส้นทาง ซึ่งสภาพถนนเช่นนี้ ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น รถบรรทุกที่จะวิ่งบนสภาพท้องถนนเช่นนี้ได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องเป็นรถบรรทุกที่มีคุณภาพดีเยี่ยม
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit