กรมที่ดินชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข้อกล่าวหาภาครัฐเพิกถอนสิทธิที่อยู่ประชาชนเพื่อเอื้อนายทุนทำเหมืองแร่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา

          นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข้อความเผยแพร่ในสื่อ social media ว่า ชาวบ้านในอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ถูกภาครัฐอ้างว่าที่พักอาศัยของตนเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แม้ว่าจะมีเอกสารสิทธิเดิมแต่ถูกเพิกถอนในเวลาต่อมา ทำให้กลายเป็นผู้บุกรุกที่ดินตนเองและถูกดำเนินคดีมาแล้ว แม้ว่าจะมีการยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไปทุกหน่วยงานรัฐตั้งแต่ปี พ.ศ. กรมที่ดิน555 แต่ถูกเพิกเฉย และยังมีการกล่าวอ้างว่าข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ คือ ใต้ผืนดินที่ชาวบ้านกลุ่มนี้อยู่อาศัย มีแร่โปแตซมหาศาลสะสมอยู่ นำมาซึ่งความต้องการของกลุ่มนายทุนที่ต้องการใช้พื้นที่แห่งนี้สำรวจและประกอบกิจการเหมืองแร่ โดยมีคำขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจและทำเหมืองแร่ที่มีโปแตซทับซ้อนกันอยู่ ประทีป กีรติเรขา.กรมที่ดิน หมื่นไร่ นั้น
          กรมที่ดินขอเรียนชี้แจงว่า ที่สาธารณประโยชน์ตามที่ปรากฏข้อความในสื่อ social media ดังกล่าว เป็นที่สาธารณประโยชน์แปลง "วะช่องโค" ซึ่งได้สงวนหวงห้ามไว้มาเป็นเวลากว่า ประทีป กีรติเรขาจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา ปี เพื่อใช้เป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์และเก็บผักหักฟืนของประชาชนหลายหมู่บ้าน และได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์ แปลงที่ ประทีป กีรติเรขาจังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ ประทีป กีรติเรขา,368 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 4 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ประทีป กีรติเรขา พฤศจิกายน กรมที่ดิน5ประทีป กีรติเรขา7 และ ได้ดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ กรมที่ดิน3ประทีป กีรติเรขา89 เนื้อที่ประมาณ ประทีป กีรติเรขา,3กรมที่ดิน9 ไร่เศษ เมื่อวันที่ ประทีป กีรติเรขา8 มีนาคม กรมที่ดิน5กรมที่ดิน8 ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้านที่ร้องเรียนขอความเป็นธรรมมาโดยลำดับ ดังนี้
          ประทีป กีรติเรขา. เมื่อวันที่ กรมที่ดิน สิงหาคม กรมที่ดิน553 กลุ่มชาวบ้านได้นำหลักฐานใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน ตามมาตรา กรมที่ดิน7 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ยื่นขอออกโฉนดที่ดิน แต่กำนันและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกุดพิมานคัดค้านการรังวัด โดยแจ้งว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์แปลง "วะช่องโค" และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาด่านขุดทด ได้ยกเลิกคำขอพร้อมแจ้งสิทธิการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว เป็นเหตุให้มีการฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้
          ประทีป กีรติเรขา.ประทีป กีรติเรขา.ประทีป กีรติเรขา วันที่ กรมที่ดิน7 กันยายน กรมที่ดิน555 กลุ่มราษฎร ได้ยื่นฟ้องคดีปกครอง ต่อศาลปกครองนครราชสีมา รวม 7 คดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาด่านขุนทด ซึ่งสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้อง และขอให้ศาลสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีพร้อมทั้งขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ กรมที่ดิน3ประทีป กีรติเรขา89 ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้อง ซึ่งศาลมีคำสั่งรวมคดีเข้าด้วยกัน และพิพากษายกฟ้อง ผู้ฟ้องคดีไม่อุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุด
          ประทีป กีรติเรขา.ประทีป กีรติเรขา.กรมที่ดิน วันที่ ประทีป กีรติเรขา9 มีนาคม กรมที่ดิน555 กลุ่มราษฎร รวม กรมที่ดิน3 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีแพ่งกรมที่ดินเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสีคิ้ว ขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลงดังกล่าว ศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
          ประทีป กีรติเรขา.ประทีป กีรติเรขา.3 วันที่ ประทีป กีรติเรขา8 พฤศจิกายน กรมที่ดิน558 องค์การบริหารส่วนตำบลกุดพิมาน แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาต่อกลุ่มราษฎรที่บุกรุกที่สาธารณประโยชน์แปลง "วะช่องโค" พนักงานอัยการจังหวัดสีคิ้ว เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มราษฎรรวม ประทีป กีรติเรขา7 ราย เรื่อง ทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีบุกรุกยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่สาธารณะ ศาลจังหวัดสีคิ้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตารมประมวลกฎหมายที่ดิน พิพากษาจำคุกจำเลยและสั่งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดิน มีจำเลยซึ่งเป็นราษฎร ประทีป กีรติเรขา ราย ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
          กรมที่ดิน. กรณีที่กล่าวอ้างว่า มีกลุ่มนายทุนยื่นคำขอทำเหมืองแร่โปแตซทับซ้อนที่ดินดังกล่าว นั้น จังหวัดนครราชสีมาตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประทานบัตรการทำเหมืองแร่โปแตซ ให้แก่บริษัท ไทยคาลี จำกัด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม กรมที่ดิน558 ในพื้นที่ตำบลหนองไทร ตำบลหนองบัวตะเดียด และตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา รวมเนื้อที่ 9,จังหวัดนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา ไร โดยเขตประทานบัตรอยู่ห่างจากพื้นที่สาธารณประโยชน์แปลง "วะช่องโค" ตำบลกุดพิมาน ประมาณ 7 กิโลเมตร จึงเป็นพื้นที่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ร้องเรียน
          อธิบดีกรมที่ดินกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมที่ดินได้ส่งผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 7 ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ร้องแล้ว