บลจ. แอสเซท พลัส ส่งกองทุน ASP-EVOCHINA มองหุ้นอินเดียมีโอกาสเติบโตสูงจากภาคบริโภค IPO ตั้งแต่วันนี้ - 2 พ.ย. 61

          บลจ. แอสเซท พลัส ส่งกองทุนเปิด แอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) คว้าโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นจีน เชื่อการวิวัฒน์หนุนแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตในอนาคต เสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้-2 พ.ย. 2561 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
          นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (บลจ. แอสเซท พลัส) เปิดเผยว่า ประเทศจีนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่ สะท้อนให้เห็นจากการวิวัฒน์ทางภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ อาทิเช่น การเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเขตความร่วมมืออุตสาหกรรมการบริการสมัยใหม่ หรือที่เรียกว่า Greater Bay Area รวมถึงการสนับสนุนจากนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศจีนเติบโตอยู่ในเกณฑ์สูงในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต บลจ. แอสเซท พลัส จัดตั้งกองทุนเปิด แอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สนใจกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นประเทศจีน โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนตราสารทุน ระดับความเสี่ยง 6 มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศจีนที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยสามารถผสมผสานทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นจีนโดยตรง ผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัวของผู้จัดการกองทุน บลจ.แอสเซท พลัส ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศและ ลงทุนในกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีน มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามความเหมาะสมซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน1 ทั้งนี้ กองทุน ASP-EVOCHINA มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้-2 พฤศจิกายน 2561 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายหลัง IPO ทุกวันทำการซื้อขายของกองทุน2 ตั้งแต่เวลาเปิดทำการ จนถึง 15.30 น.
นายรัชต์ กล่าวต่อว่า เรามองว่าจีนกำลังวิวัฒนาการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่ จากการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งประกอบไปด้วย 2 เป้าหมายหลัก คือ การผลักดันให้ประเทศจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำนวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านภาคธุรกิจจากประเทศอุตสาหกรรมการผลิต สู่ภาคงานภาคบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม จากเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี โดยมีการลงทุนสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นเงินกว่า 255 พันล้านดอลลร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 55.98% ของ GDP ประเทศไทย (Source: National Bureau of Statistics of China 2018,) จากการสนับสนุนดังกล่าว จะเห็นได้ว่ามีจำนวนนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม นักวิจัยของประเทศจีนมากเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งยังมีจำนวนการยื่นจดสิทธิบัตรและจำนวนการตีพิมพ์เอกสารทางด้านการวิจัยในปี 2018 มากที่สุดในโลก จากผลการสนับสนุนดังกล่าว จีนเริ่มก้าวเข้ามาเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านเทคโนโลยี โดยในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทเทคโนโลยีของจีนหลายบริษัท ก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของโลก นอกจากนั้นจีนยังมีบริษัท Start-up เกิดขึ้นอีกมากมาย โดยในปี 2018 มีบริษัท Start-up สัญชาติจีน ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า"Unicorn" เกิดขึ้นกว่า 17 บริษัท ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจาก สหรัฐอเมริกา (Source: https://www.cbinsights.com/research-unicorn-companies) นอกจากการให้ความสำคัญทางด้านนวัตกรรมแล้ว รัฐบาลยังมีนโยบายผลักดันแบรนด์ Made in China ให้เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเศรษฐกิจของจีน จากการเป็นประเทศอุตสาหกรรมผู้ผลิต หันมาให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่เป็นเมืองแห่งการเลียนแบบเป็นเมืองแห่งการพัฒนาที่มีสินค้าและบริการของตนเอง รัฐบาลจีนมุ่งเน้นที่จะพัฒนานวัตกรรมตาม Roadmap "Made In China 2025" ซึ่งเป็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการผลิตของจีนใหม่อย่างสิ้นเชิง จากการผลิตที่เน้นปริมาณสู่การผลิตที่เน้นคุณภาพ กระตุ้นให้เกิดงานด้านการบริการที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ภาคแรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงมีกำลังซื้อที่มากขึ้น ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ภาคการอุปโภคบริโภคให้เติบโต สะท้อนให้เห็น ถึงการจ้างงานที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลผลิตจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล สะท้อนให้เห็นในพัฒนาการของเขตพิเศษเศรษฐกิจใหม่ หรือที่เรียกว่า "Greater Bay Area" ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเมืองสำคัญในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ควบรวมฮ่องกง มาเก๊า และมลฑลกวางตุ้ง ประกอบไปด้วย 11 เมืองสำคัญ ที่จะเป็นย่านศูนย์การค้าและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น มีส่วนทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมีผลทำให้ขนาด GDP ของมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) ขยายตัว คิดเป็น 10.87% ของ GDP ประเทศจีน ซึ่งสูงที่สุดในบรรดา 31 มณฑลของจีน (ข้อมูล ปี 2017) ทั้งนี้จากการพัฒนาดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลพื้นฐานของตลาดหุ้นจีนอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต (Source: Bloomberg as of 25 Sep 2018) ส่งผลให้เราเชื่อว่า ประเทศจีนมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากการวิวัฒนาการเข้าสู่ยุคใหม่ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะชะลอตัว ประกอบกับการถูกกีดกันทางการค้าของสหรัฐ รัฐบาลจีนก็มีเครื่องมือด้านนโยบายจำนวนมาก ที่จะนำมาใช้เพื่อสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมาย การเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ
          ในปัจจุบันตลาดยังคงมีความผันผวนจากการเก็งกำไรระยะสั้นของผู้ลงทุนรายย่อยจึงเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของตลาดหุ้นในต่างประเทศได้สูงและพร้อมสำหรับการลงทุนในระยะยาวเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคต
          ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุน ASP-EVOCHINA ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 5,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ บลจ. แอสเซท พลัส ติดต่อ Asset Plus Customer Care 0 2672 1111 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.assetfund.co.th หรือติดต่อผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ. แอสเซท พลัส
ผู้ลงทุน "โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน"
          1 กองทุน ASP-EVOCHINA สำหรับการลงทุนในต่างประเทศบริษัทจัดการมีนโยบายที่จะทำการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง เป็นต้น เพื่อคาดการณ์ทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน 2 วันทำการซื้อขายของกองทุน หมายถึง วันทำการปกติของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด, บริษัทจัดการกองทุนต่างประเทศที่ไปลงทุน, และประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน (ถ้ามี)
บลจ. แอสเซท พลัส ส่งกองทุน ASP-EVOCHINA มองหุ้นอินเดียมีโอกาสเติบโตสูงจากภาคบริโภค IPO ตั้งแต่วันนี้ - 2 พ.ย. 61
 

ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน+หลักทรัพย์จัดการกองทุนวันนี้

บลจ.กสิกรไทย คว้า 5 รางวัลยอดเยี่ยม Best of the Best Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกองทุนของไทย

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติถึง 5 รางวัล จากงาน Best of the Best Awards 2025 ได้แก่ รางวัล Best Asset Management Company (30 Years), Best Asset Management Firm for Digital Marketing, Best Alternatives Manager, Best ESG Manager และ Best Multi-Asset Manager ทั้งนี้ รางวัลที่ บลจ.กสิกรไทย ได้รับทั้ง 5 สาขา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ บลจ.กสิกรไทย ในการพัฒนาและนำเสนอบริการด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ รวมถึงการปรับตัว

บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่... กรุงศรีเปิดตัวกองทุน KF-EMXCN โอกาสเติบโตไปพร้อมกับ Emerging Market — บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่าความผันผวนจากสงครามการค้า ด้วยโอกาสลงทุนใน...

บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรร... บลจ.ทิสโก้เปิดกอง TGOV7M10 กองทุนรวมตราสารหนี้ อายุ 7 เดือน — บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรรัฐบาล 7 เดือน 10 (TGOV7M10) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบ...

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไ... บลจ.กสิกรไทย ตอกย้ำ Trusted Asset Manager การบินไทย ไว้วางใจให้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ — กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่ง...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด(บ... พิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งบริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) ได้รับความ...

บลจ.กสิกรไทย สร้างทางเลือกการลงทุนเพื่อวั... บลจ.กสิกรไทย ชวนผู้ลงทุนเปิดรับโอกาสเกษียณมั่งคั่ง ส่ง K-WORLDXRMF ลุยทำกำไรตามดัชนีหุ้นโลก — บลจ.กสิกรไทย สร้างทางเลือกการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ เปิดตัวกองท...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี รับร... KFDNMRMF คว้ารางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจาก Morningstar Awards 2025 — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจาก Morningstar Awards for In...