อีกทั้งมาพร้อมชิปประมวลผลภาพ DIGIC 8 และความเร็วโฟกัสไวสุดเพียง 0.05 วินาที
ปลดล็อคขีดจำกัดเดิมๆ ในการสร้างสรรค์ภาพถ่าย
แคนนอนเปิดตัวสมาชิกใหม่ของกล้องตระกูล EOS คือ EOS R กล้องมิเรอร์เลสเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. และช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ รุ่นแรกจากแคนนอน พร้อมด้วยเลนส์ตระกูล RF ใหม่ 4 รุ่น เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ตระกูล EF 2 รุ่น เลนส์ไพรม์ตระกูล EF-M 1 รุ่น และเมาท์อะแดปเตอร์ RF อีก 3 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานกล้อง EOS R กับเลนส์ตระกูล EF นอกจากนี้ยังเปิดตัวแฟลชภายนอก Speedlite ขนาดเล็ก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะมีอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในแบบที่จินตนาการอย่างครบถ้วน
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิชย์ รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า "กล้องและอุปกรณ์ในตระกูล EOS R พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด 'Reimagine Optical Excellence ปฏิวัติสู่อนาคต' ด้วยความมุ่งหวังที่จะยกระดับประสิทธิภาพ ปลดล็อคขีดจำกัดที่เคยมี สู่นิยามใหม่ของการถ่ายภาพ ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นภาพถ่ายได้อย่างที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน"
เปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยเมาท์ RF
เมาท์ RF เส้นผ่านศูนย์กลาง 54 มม. คือสิ่งที่ทำให้กล้อง EOS R โดดเด่นด้วยระยะห่างระหว่างเมาท์กับระนาบเซ็นเซอร์ (flange focal distance) สั้นเพียง 20 มม. และขั้วสัมผัสไฟฟ้า 12 จุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้อง ทำให้สามารถพัฒนาเลนส์ให้มีขนาดกะทัดรัด ภาพมีคุณภาพสูง และมีคุณสมบัติก้าวล้ำเลนส์ทั่วไปได้ด้วย โดยข้อมูลจากเลนส์ RF จะถูกส่งไปยังตัวกล้องเพื่อให้ระบบ Digital Lens Optimizer ภายในตัวกล้องทำการแก้ไขการเลี้ยวเบนของแสง ความคลาดเคลื่อนของสี ระดับแสงขอบภาพ รวมถึงการบิดเบี้ยวของภาพ โดยไม่กระทบต่อความเร็วในการถ่ายภาพประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างกล้องกับเลนส์ยังช่วยให้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวทำงานได้ดีขึ้นทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโออีกด้วย
ที่สุดแห่งคุณภาพของภาพถ่าย
EOS R ใช้เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล ที่ผลิตและพัฒนาโดยแคนนอน ให้ภาพละเอียดคมชัด สีสันสวยสด อีกทั้งมีช่วงความไวแสง ISO 100-40,000 ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ระบบปรับแสงอัตโนมัติ Auto Lighting Optimizer ที่ควบคุมโดยชิปประมวลผลภาพ DIGIC 8 ช่วยในการปรับระดับแสงให้สามารถเห็นรายละเอียดในบริเวณแสงจ้าและส่วนที่เป็นเงามืดในภาพ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามแม้ถ่ายย้อนแสง
กล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS ที่สามารถตรวจจับการสั่นของกล้องได้อย่างแม่นยำสูงและคงความนิ่งในการถ่ายภาพ โดยการสื่อสารข้อมูลจากเซ็นเซอร์ภาพในตัวกล้องและเซ็นเซอร์ไจโรของเลนส์ เพื่อตรวจจับการสั่นแม้ที่ความถี่ต่ำได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 5 สต็อปสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง จึงสามารถถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำแต่ได้ภาพที่คมชัด
EOS R รองรับ Dual Pixel Raw สำหรับการปรับแก้รายละเอียดของภาพถ่าย โบเก้ และลดการเกิดภาพหลอก อีกทั้งรองรับการบันทึกภาพในฟอร์แมต C-RAW เพื่อให้ไฟล์ภาพมีขนาดเล็กลงและถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากขึ้นโฟกัสสิ่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
EOS R ช่วยให้คุณไม่พลาดช็อตสำคัญอีกต่อไป ด้วยระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF เร็วที่สุดในโลก* เพียง 0.05 วินาที จับภาพช่วงเวลาที่ต้องการได้ทันที เพิ่มอิสระในการจัดองค์ประกอบภาพด้วยจุดออโต้โฟกัสมากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% ในแนวตั้ง และ 88% ในแนวนอนเมื่อใช้กับเลนส์ที่รองรับ การถ่ายภาพบุคคลโดยใช้รูรับแสงกว้างก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วย Eye Detection AF ที่สามารถตรวจจับรูม่านตาของตัวแบบและทำให้ดวงตาอยู่ในโฟกัสเสมอเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด อีกทั้งสามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำในสภาพแสงน้อยถึง EV -6 ซึ่งเป็นสภาพที่มืดมากจนตาคนแทบมองอะไรไม่เห็น
*ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2561
ใช้งานสะดวกไม่มีสะดุด
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED ความละเอียด 3.69 ล้านจุดของกล้อง EOS R ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% ช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลลัพธ์ของการตั้งค่าและจัดองค์ประกอบภาพได้ชัดเจน ด้านหลังตัวกล้องยังมีบาร์มัลติฟังก์ชันสำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ ด้วยการแตะและสไลด์อย่างเงียบเชียบ เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ เมื่อใช้ร่วมกับวงแหวนควบคุมของเลนส์ RF และแป้นปุ่มควบคุมกึ่งอิเล็กทรอนิกส์รูปสี่เหลี่ยมคางหมู่ด้านบนตัวกล้อง ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องละสายตาจากช่องมองภาพเพื่อปรับตั้งค่าต่างๆนอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Touch & Drag AF สำหรับการเลื่อนจุดโฟกัสไปมาผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนแม้ในขณะมองผ่านช่องมองภาพ โดยจอแอลซีดีทัชสกรีนปรับหมุนได้ของกล้องยังช่วยในการถ่ายภาพจากมุมที่ถ่ายยาก รวมถึงการถ่ายเซลฟี่
EOS R เป็นกล้องแคนนอนรุ่นแรกที่มีโหมด FV Exposure ที่ใช้ในการควบคุมความเร็วชัตเตอร์ ขนาดรูรับแสง และค่า ISO ได้อย่างอัตโนมัติโดยผู้ใช้ไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ รวมถึงมีโหมดปิดเสียงชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพนิ่งเพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพการแสดงหรือการประชุมต่างๆ พร้อมจอแอลซีดีแบบดอตแมทริกซ์ด้านบนตัวกล้องซึ่งจะแสดงข้อมูลการตั้งค่าที่สำคัญให้เห็นได้สะดวกโดยไม่ต้องดูจากช่องมองภาพหรือจอทัชสกรีน
ตัวกล้องแข็งแรงทนทานทำจากแมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลกันละอองฝุ่นและละอองน้ำ พร้อมทำงานในสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงมีม่านปิดเซนเซอร์ป้องกันละอองฝุ่นขณะปิดกล้องเพื่อถอดเปลี่ยนเลนส์ และยังได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้มีความสมดุล กริปมีความลึกจับถนัดกระชับมือ
สุดยอดประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอ
EOS R สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพระดับ 4K ที่ความเร็ว 30p/25p (3,840 x 2,160 พิกเซล) รองรับ Canon Log เช่นเดียวกับกล้องในตระกูล Cinema EOS เก็บรายละเอียดได้ดีทั้งในสภาพแสงจ้าและที่มืด สะดวกในการปรับแต่งในขั้นตอน post-production พร้อมช่องต่อ HDMI Out สัญญาณภาพออกแบบ Clean HDMI อีกทั้งแสดงภาพวิดีโอ 4K ที่ความละเอียด 10-bit ให้สีสันละเอียดสวยงามบนจอแสดงผลความละเอียดสูงได้อีกด้วย
เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF กล้อง EOS R สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ถึง 1/8 สต็อปในการถ่ายวิดีโอ จึงควบคุมการรับแสงได้อย่างแม่นยำเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแสง ส่วนฟังก์ชัน MF Peaking จะแสดงพื้นที่ที่อยู่ในโฟกัสให้เห็นเด่นชัดเพื่อช่วยในการปรับโฟกัสแบบแมนนวล อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน Focus Guide ที่ช่วยให้สามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยแสดงให้เห็นว่าตัวแบบอยู่ในโฟกัสแล้วหรือยัง ไม่ว่าตัวแบบจะอยู่ด้านหน้าหรือในฉากหลังของภาพก็ตาม
มาพร้อมเลนส์แห่งอนาคต 7 รุ่น
เลนส์ตระกูล RF คือก้าวใหม่สู่อนาคตของการถ่ายภาพ โดยให้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งนี้นอกจากจะมีวงแหวนโฟกัสและวงแหวนซูมเช่นเดียวกับเลนส์ตระกูล EF แล้ว เลนส์ตระกูล RF ยังมีจุดเด่นคือเพิ่มวงแหวนควบคุมการรับแสงมาให้อีกด้วย
RF24-105mm f/4L IS USM
เลนส์คิทของกล้อง EOS R ให้ภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพสูงด้วยไดรฟ์ Nano USM ที่ช่วยในการโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูงได้อย่างราบรื่น ตัวเลนส์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีช่วงทางยาวโฟกัสที่เหมาะสม และค่ารูรับแสงคงที่ที่ f/4 จึงเป็นเลนส์คู่หูของกล้อง EOS R ที่พกพาไปใช้ด้วยกันได้สะดวก
RF24-105mm f/4L IS USM ใช้ไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดของแคนนอน ชดเชยการสั่นไหวของภาพได้ถึง 5 สต็อป* ซึ่งสูงกว่าเลนส์รุ่นอื่นๆ ของแคนนอน อีกทั้งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง และ Combination IS สำหรับการถ่ายวิดีโอ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลของเลนส์ กับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในตัวกล้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
RF50mm f/1.2L USM
เลนส์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับเมาท์ RF ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวและมีช่วง back focus สั้น เพื่อให้สามารถใช้ค่ารูรับแสงได้ถึง f/1.2 อีกทั้งสามารถสร้างโบเก้แบบกลมได้สวยงามมากด้วยม่านรูรับแสง 10 กลีบ ให้ภาพถ่ายคมชัดสูงแม้ที่ค่ารูรับแสง f/1.2 จึงเหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพบุคคล
รูรับแสงที่กว้างทำให้เลนส์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพเบลอรวมถึงแยกฉากหลังออกจากด้านหน้าได้อย่างกลมกลืนน่าทึ่ง ทั้งยังง่ายต่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ระยะโฟกัสที่สั้นลงเหลือ 0.4 เมตร และกำลังขยาย 0.19 เท่า ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพในพื้นที่ที่แคบลงได้อีกด้วย
RF28-70mm f/2L USM
เลนส์ RF28-70mm F2 L USM มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว สามารถคงค่ารูรับแสงที่ f/2 ได้ตลอดช่วงซูม ซึ่งทำได้ยากในเลนส์ที่ใช้กับเมาท์ EF อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงเหมาะกับการถ่ายภาพงานแต่งงานและดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยประสิทธิภาพทัดเทียมกับเลนส์ไพรม์ RF28-70mm F2 L USM ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพครอบคลุมทางยาวโฟกัส 28-70 มม. ได้ด้วยเลนส์ตัวเดียว ไม่ต้องพกเลนส์หลายตัวอีกต่อไป
RF35mm f/1.8 MACRO IS STM
เลนส์มาโครรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ด้วยความยาว 62.8 มม. และน้ำหนัก 3.5 กรัม แต่ทางยาวโฟกัสกว้างถึง 35 มม. จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั่วไปในชีวิตประจำวันและการถ่ายภาพ still-life
RF35mm f/1.8 MACRO IS STM ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของสิ่งที่ต้องการถ่ายภาพในระยะใกล้ ด้วยกำลังขยายสูงสุด 0.5 เท่า และเมื่อใช้ค่ารูรับแสง f/1.8 ยังสามารถสร้างเอฟเฟกต์โบเก้ได้อย่างสวยงาม เลนส์รุ่นนี้นอกจากจะมีระบบ Dual Sensing IS และ Combination IS ที่สามารถชดเชยการสั่นไหวของภาพได้สูงสุดถึง 5 สต็อปแล้ว ยังมีระบบ Hybrid IS ที่ช่วยแก้ไขความสั่นจากมือได้อย่างแม่นยำในขณะถ่ายภาพมาโคร
EF-M32mm f/1.4 STM
เลนส์รุ่นนี้มีน้ำหนักเพียง 235 กรัม ทางยาวโฟกัส 51 มม. (เทียบเท่าเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม.) ซึ่งเป็นทางยาวโฟกัสที่ใช้กันมากในหมู่นักถ่ายภาพ ผู้ใช้ยังสามารถจัดองค์ประกอบภาพในพื้นที่ที่แคบลงได้โดยใช้กำลังขยาย 0.25 เท่ารูรับแสงที่กว้างถึง f/1.4 ช่วยในการถ่ายภาพละลายฉากหลัง รวมถึงการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เลนส์รุ่นนี้ยังสามารถใช้การปรับโฟกัสแบบแมนนวลและมีเมาท์เป็นโลหะ
EF400mm f/2.8L IS III USM และ EF600mm f/4L IS III USM
เลนส์ทั้งสองรุ่นได้รับการพัฒนาจากเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูงและเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมาพร้อมน้ำหนักที่เบาลงและระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจาก 3.5 สต็อป เป็น 5 สต็อป ทั้งนี้ EF400mm f/2.8L IS III USM มีน้ำหนักเบาลงถึง 1,010 กรัม จึงเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัส 400 มม. ที่เบาที่สุดในโลก ส่วน EF600mm f/4L IS III USM มีน้ำหนักน้อยลง 870 กรัม และเป็นเลนส์ 600 มม. ที่เบาที่สุดในโลกเช่นกัน
เลนส์ 2 รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงสวยงาม และจัดการความร้อนได้ดีขึ้นด้วยการเคลือบป้องกันความร้อนและการออกแบบให้ถ่ายเทความร้อนได้ดี ผู้ใช้สามารถปรับความเร็วในการโฟกัสให้เหมาะกับการถ่ายภาพ โดยปรับที่วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ อีกทั้งสามารถตั้งค่าโฟกัสล่วงหน้าได้ 2 แบบ และเปิดใช้งานสลับกันได้โดยใช้วงแหวน playback เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพการแข่งขันกีฬา
ใช้งานกับเลนส์ได้หลากชนิด
เมาท์อะแดปเตอร์รุ่นใหม่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงคุณสมบัติการป้องกันฝุ่นและน้ำ มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ช่วยให้กล้อง EOS R รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ EF1 ได้เกือบทุกฟังก์ชั่น2 ตั้งแต่เลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเลโฟโต้ เลนส์ฟิชอาย ไปจนถึงเลนส์มาโคร ให้ภาพสวยเป็นไปได้ทุกอารมณ์อย่างง่ายดาย
Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์รุ่นมาตรฐานดีไซน์เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
Control Ring Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมวงแหวนควบคุมการทำงานของกล้องเมื่อใช้งานกับเลนส์ EF1 ที่มีขนาดใกล้เคียงกับเลนส์ RF ช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายและสะดวก
Drop-in Filter Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมช่องใส่ฟิลเตอร์ขนาดเล็ก รองรับได้ทั้งฟิลเตอร์ CP-L3 และฟิลเตอร์ Variable ND3 โดยผู้ใช้สามารถปรับมุมโพลาไรซ์หรือค่าความเข้มของฟิลเตอร์ ND ได้โดยตรงจากตัวอะแดปเตอร์ ถือเป็นจุดเด่นที่มีประโยชน์มากเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่ไม่สามารถใส่ฟิลเตอร์ได้ เช่น เลนส์ฟิชอาย ช่วยให้ไม่ต้องพกฟิลเตอร์หลายๆ ชิ้นเพื่อใช้กับเลนส์ต่างชนิด
1 ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ EF-M และเลนส์ EF Cinema สำหรับเลนส์ RF ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์อะแดปเตอร์
2 ขึ้นอยู่กับสเปคกล้องแต่ละรุ่น ฟังก์ชั่นบางอย่างของเลนส์ EF อาจไม่สามารถใช้งานได้
3 เมาท์อะแดปเตอร์ Drop-in Filter Mount Adapter EF-EOS R มีชุดคิทฟิลเตอร์ให้เลือก 2 แบบ คือ ฟิลเตอร์ CP-L และฟิลเตอร์ Variable ND ทั้งสองแบบยังมาพร้อมฟิลเตอร์ใสสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป
ไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ
แบตเตอรี่กริป BG-E22 ช่วยให้กล้อง EOS R ถ่ายภาพได้ยาวนานขึ้นถึง 2 เท่า ไม่พลาดโอกาสในการถ่ายภาพช่วงเวลาสำคัญ เพราะแบตเตอรี่กริปรุ่นนี้สามารถใส่ถ่านได้มากถึง 2 ก้อน และยังเป็นแบตเตอรี่กริปรุ่นแรกที่สามารถชาร์ตไฟถ่านทั้งสองก้อนได้โดยตรง โดยใช้สาย USB รุ่น PD-E1
นอกจากนี้ยังออกแบบเป็นพิเศษให้เข้ากับการใช้งานกล้อง EOS R ช่วยให้ถ่ายภาพแนวตั้งได้ถนัดกระชับมือยิ่งขึ้นแสงสวยทุกสถานการณ์
แฟลชแคนนอน Speedlite EL-100 รุ่นใหม่พัฒนาด้วยความใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก หัวแฟลชสามารถปรับมุมได้มากถึง 180 องศา ช่วยให้การยิงแฟลชขึ้นไปสะท้อนบนเพดานหรือกำแพงทำได้ง่าย สะดวกทั้งการถ่ายภาพแนวตั้งและแนวนอน
และยังเป็นครั้งแรกที่แฟลช Speedlite จากแคนนอน มาพร้อมฟังก์ชั่นใช้งานโหมด Continuous Shooting Priority* (CSP) และโหมดออโต้* ซึ่งจะช่วยลดกำลังไฟ และปรับเพิ่มความไวแสงเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ยาวนานขึ้นแม้จะเปิดใช้งานโหมด CSP อยู่ก็ตาม สำหรับผู้ใช้มือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับแฟลช Speedlite ก็มีโหมดออโต้มาให้* ซึ่งมีลักษณะการใช้งานใกล้เคียงกับโหมดออโต้ของกล้องที่มีแฟลชแบบ built-in คือจะทำการคำนวณปริมาณแสงแฟลชที่ต้องใช้ให้ทันทีแบบอัตโนมัติ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EOS R SYSTEM ได้ที่ www.canon-asia.com/EOSR
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit