“MTC” ผลประกอบการนิวไฮทุกไตรมาส มั่นใจปีนี้ปล่อยสินเชื่อใหม่ทะลุ 8 หมื่นล. ลุยขยายสาขาคาดสิ้นปีแตะ3,200 แห่ง ครองแชมป์ในไทย

          MTC มั่นใจผลการดำเนินงานจะทุบสถิติสูงสุดทุกไตรมาส โดยเฉพาะครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงการเติบโตมากสุด ยันปล่อยเสินเชื่อใหม่ทะลุ 8 หมื่นล้านบาท พร้อมยอดลูกหนี้คงค้างกว่า 4.ชูชาติ เพ็ชรอำไพ4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง คาดสิ้นปีมีจำนวนสาขาเพิ่มเป็น 3,ผู้ประกอบการเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล แห่ง ครองแชมป์ผู้ประกอบการมีสาขามากสุดในประเทศไทย
          นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ประกอบการ56ชูชาติ เพ็ชรอำไพ บริษัทมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 36,6ผู้ประกอบการเมืองไทย แคปปิตอล ล้านบาท และลูกหนี้คงค้าง 4ชูชาติ เพ็ชรอำไพ,469 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาทุกอย่างเติบโตกว่า 4เมืองไทย แคปปิตอล %ขณะที่มีกำไรสุทธิ ชูชาติ เพ็ชรอำไพ,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.7ผู้ประกอบการ % จากงวดเดียวกันของปีก่อน
          "ตามที่ได้เคยประกาศว่าปีนี้ เราจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่, ลูกหนี้คงค้างเติบโต 4เมืองไทย แคปปิตอล %ในช่วงครึ่งปีแรกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถบริหารงานได้ตรงตามเป้าไว้ทุกประการ และคาดว่ายอดปล่อยทั้งปีประมาณ 8เมืองไทย แคปปิตอล,เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล ล้านบาท และลูกหนี้คงค้างประมาณ 5เมืองไทย แคปปิตอล,เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล ล้านบาท จึงไม่น่ามีปัญหา"นายชูชาติกล่าว
          สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง เรายังไม่กังวล เพราะโดยปกติธรรมชาติของธุรกิจนี้ ในครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก ดังนั้นเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งปีจะเติบโตที่4เมืองไทย แคปปิตอล % จึงมั่นใจว่าทำได้แน่นอน
          ส่วนแผนการเปิดสาขาปีนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาจำนวน 6เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล สาขา เมื่อรวมกับสิ้นปีที่ผ่านมา มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น ผู้ประกอบการ,ผู้ประกอบการเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล สาขา ปัจจุบันได้เปิดสาขาไปแล้วกว่า 8เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล แห่ง จึงมีจำนวนสาขามากกว่า 3,เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล แห่ง และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีมากกว่า 3,ผู้ประกอบการเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย
          ถึงแม้ว่าจะเปิดสาขามากและปล่อยสินเชื่อออกไปจำนวนมากก็ตาม แต่ระดับหนี้เสียหรือ NPL กลับทรงตัวระดับต่ำกว่า ชูชาติ เพ็ชรอำไพ.5เมืองไทย แคปปิตอล % ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารของบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล มีความสามารถในการบริหารจัดการหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          สำหรับแผนงานในปี ผู้ประกอบการ56ผู้ประกอบการ บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาไว้จำนวน 6เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล สาขา เมื่อรวมกับสาขาเดิมที่เปิดไปแล้วจึงคาดว่าภายในสิ้นปี ผู้ประกอบการ56ผู้ประกอบการ ทางบริษัท จะมีสาขาทั้งสิ้น 3,8เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล-4,เมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอลเมืองไทย แคปปิตอล สาขา
          "การที่เรามีสาขาจำนวนมากขึ้น ทำให้เราสามารถขยายการบริการไปถึงลูกค้าที่อยู่ตามต่างจังหวัด และภูมิภาคต่างๆของประเทศ จึงทำให้มั่นใจว่าในปีผู้ประกอบการ56ผู้ประกอบการ สามารถรักษาการเติบโตถึง 35 % ทั้งในด้านของการปล่อยสินเชื่อใหม่, ลูกหนี้คงค้าง และรวมทั้งผลกำไรของบริษัท ซึ่งจะเป็น New High ตลอดทุกปี และทุกไตรมาส"
          นอกจากนี้ ในปี ผู้ประกอบการ56ผู้ประกอบการ จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ดังนั้น เชื่อมั่นว่าสภาพคล่องทางการเงินของประชาชนจะมีสูงขึ้น ดังนั้น จึงไม่ได้กังวลต่อหนี้เสียหรือ NPL แต่ประการใด แต่จะกลับเร่งขยายตัวโดยการเปิดสาขาไปตามภูมิภาคต่างๆ และรวมทั้งกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นด้วย
          สำหรับมุมมองการลงทุนของต่างชาติในธุรกิจนี้ จะเห็นว่ายังรอดูความชัดเจนของพรบ.กำกับดูแลสถาบันการเงินจากกระทรวงการคลังที่จะประกาศใช้ ถ้าพ.ร.บ.ออกมา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ เช่น การกำหนดดอกเบี้ย, ค่าบริการ, ค่าติดตาม, ค่าผิดนัด ออกมาเป็นจำนวนชัดเจน เช่น ผู้ประกอบการ8 %หรือ 36 %จะทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และจะเข้ามาลงทุนในหุ้น MTC เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
          "ผมมีความมั่นใจว่า พรบ.ฉบับดังกล่าว ที่จะประกาศใช้ในสิ้นปีนี้นั้น จะออกมามีผลดีต่อผู้ประกอบการอย่างแน่นอน ซึ่งดูได้จากสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งกระทรวงการคลังประกาศให้ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนสามารถทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ได้ และสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ถึง 36 % ดังนั้น พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวน่าจะล้อไปกับสินเชื่อที่ประกาศออกมา อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทยที่จะหันมาให้ความสนใจหุ้นMTC" นายชูชาติ กล่าวในที่สุด