นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 11 หรือประมาณ 2 ล้านคน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในอาเซียนกว่า 5,628,156 คน โดยนักท่องเที่ยวอาเซียนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่เดินทางท่องเที่ยวสะดวกในระยะเวลาอันสั้น มีความคล้ายคลึงทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และภาษา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านยุทธศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) โดยเล็งเห็นกีฬาวิ่งเป็นกีฬาที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยมีผู้ออกกำลังกายด้วยการวิ่งราว 12 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 17.4 ของประชากรไทย และในจำนวนประชากรอาเซียน 652 ล้านคน หากนับเฉพาะประเทศที่นิยมการวิ่งออกกำลังกาย ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ เวียดนาม ไทย มาเลยเซีย และสิงคโปร์ จะมีกลุ่มผู้ออกกำลังกายโดยการวิ่งในอาเซียนราว 55 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ททท. จึงเล็งเห็นโอกาสที่ดีในการจัดงานวิ่งระดับอาเซียนขึ้น โดยใช้ชื่องาน "Asean Together Run 2019" ภายใต้แนวคิด Run & Travel ในรูปแบบงานวิ่ง Virtual Run คือ วิ่งที่ไหนเมื่อไรก็ได้ในประเทศอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้คนหันมาออกกำลังกายโดยการวิ่ง พร้อมส่งเสริม
การท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน สร้างเครือข่ายนักวิ่ง แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายสะสมระยะทางจากผู้ร่วมแข่งขันตลอดทั้งโครงการ จำนวน 652,190 กิโลเมตร ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขจำนวนประชากรทั้งหมดในอาเซียนที่มีราว 6 แสนล้านคน เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินบริจาคกิโลละ 1 บาท มอบให้กับยูนิเซฟเมื่อสิ้นสุดโครงการ นายธเนศวร์ กล่าว
นายอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด และผู้จัดการแข่งขัน งานวิ่ง Asean Together Run 2019 กล่าวว่า กิจกรรมวิ่ง Asean Together Run 2019 ในรูปแบบ Virtual Run ที่ทุกคนสามารถร่วมกิจกรรมได้ในทุกที่ทุกเวลา นอกจากเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และเป็นแรงจูงใจในการวิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง พร้อมท้าทายขีดจำกัดของตนเองด้วยเป้าหมายการฝึกซ้อมวิ่งสะสมระยะทาง โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่
1. Run 5 วิ่งสะสมระยะ 5 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นวิ่งครั้งแรก
2. Run 21 วิ่งสะสมระยะ 21 กิโลเมตร พัฒนาศักยภาพของตนตัวเองไปอีกระดับสำหรับผู้ที่เริ่มหลงรักการวิ่งออกกำลังกาย
3. Run 42 วิ่งสะสมระยะ 42 กิโลเมตร เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดสู่การวิ่งฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง
4. Run 100 วิ่งสะสมระยะ 100 กิโลเมตร เป้าหมายสำหรับผู้หลงรักการวิ่งสู่การเป็นนักวิ่งสายแข็ง
5. Run 200 วิ่งสะสมระยะ 200 กิโลเมตร พิสูจน์ความแข็งแกร่งสู่การเป็นนักวิ่งเต็มตัวพร้อมก้าวเข้าสู่สนามวิ่งจริงจัง
โดยทั้ง 5 ระดับมีระยะเวลาในการวิ่งและส่งผลตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2561 และสิ้นสุดวันที่ 8 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันอาเซียน
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือ เหรียญที่ออกแบบมาพิเศษภายใต้แนวคิด "The One" สอดคล้องกับสโลแกนของอาเซียนที่ว่า One Vision, One Identity, One Community โดย ออกแบบเหรียญเป็นรูปตัวโอที่ประกอบด้วยเหรียญรางวัล 5 ชิ้น ในแต่ละชิ้นจะมีภาพสัญลักษณ์แลนด์มาร์คของประเทศต่างๆ ในอาเซียน เช่น ประเทศไทยเป็นภาพพระบรมมหาราชวัง (Grand Palace) อินโดนีเซียเป็นภาพบุโรพุทโธ (Borobudur) สิงคโปร์เป็นภาพเมอไลออน (Merlion) มาเลเซียเป็นภาพตึกปิโตรนาส (Petronas Tower) ฟิลิปปินส์เป็นภาพโบสถ์ซานออกัสติน (San Agustin Church) บรูไนเป็นภาพมัสยิด โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน
(Sultan Omar Ali Saifuddin Mosque) เวียดนามเป็นภาพอ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) ลาวเป็นภาพประตูชัย (Patuxay) พม่าเป็นภาพเจดีย์วชเวดากอง (Schweda Kong) และกัมพูชาเป็นภาพนครวัด (Ankor Wat)
"ผู้สมัครแต่ละระยะจะได้รับเหรียญหลังจากจบการแข่งขัน 1 ชิ้น โดยเหรียญแต่ละชิ้นสามารถนำมาประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอักษรตัวโอได้ นอกจากนี้ ทางททท. ได้จัดทำเหรียญพิเศษ เพื่อนำมาประกอบภายในวงกลมรูปตัวโอให้เป็นเหรียญที่สมบูรณ์ ซึ่งจะมีตราสัญลักษณ์ของอาเซียน และ Amazing Thailand มอบให้กับ ผู้ที่พิชิตเหรียญรางวัลครบทั้ง 5 เหรียญ และมีการเดินทางไปวิ่งในประเทศอาเซียนนอกประเทศที่พำนักประเทศใดก็ได้อีกอย่างน้อย 1 ประเทศ และมีผลการวิ่งในประเทศไทยอย่างน้อย 1 ครั้ง"
นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัลพิเศษแพกเกจวิ่ง-เที่ยวเมืองไทย เป็นรางวัลบัตรวิ่งในรายวิ่งมาราธอนชื่อดังของเมืองไทย พร้อมตั๋วเดินทางและที่พัก และรางวัลของที่ระลึกจำนวนมาก ค่าสมัคร ทุกระยะ มี 2 แพกเกจ คือ แพกเกจ A ราคา 350 บาท รับเฉพาะเหรียญรางวัล และแพกเกจ B ราคา 550 บาท จะได้รับเหรียญรางวัล พร้อมเสื้อวิ่งที่ระลึก นักวิ่งสามารถเข้าร่วมสมัคร สะสมเหรียญรางวัล และสะสมระยะเพื่อร่วมบริจาคให้กับยูนิเซฟร่วมกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ www.aseantogetherrun.com ร่วมติดตามข่าวสารและแบ่งปันประสบการณ์วิ่งได้ที่ Facebook: aseanrun นายอลงกรณ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit