ฟิทช์: ประเทศไทยมีความสามารถที่จะรับมือกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น

          ในงานสัมมนาประจำปี ฟิทช์ เรทติ้งส์56วิรไท สันติประภพ ของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ฟิทช์กล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยและภาคธนาคารไทยน่าจะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แม้ว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าได้ 
          ในงานสัมมนาดังกล่าว ฟิทช์ได้รับเกียรติจาก ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้กล่าวเปิดงานสัมมนา 
          คุณเจมส์ แมคคอร์แมค หัวหน้ากลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศ ของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า ฟิทช์คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับ 3.3% ในปี ฟิทช์ เรทติ้งส์56วิรไท สันติประภพ และ 3.วิรไท สันติประภพ% ในปี ฟิทช์ เรทติ้งส์56ฟิทช์ เรทติ้งส์ โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตในระดับที่สูงกว่าปกติของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว (fiscal expansion) และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับสงครามทางการค้าอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากภาวะตลาดการเงินโลกที่ตึงตัวมากขึ้นต่อเนื่องจนถึงปีหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเชิงปริมาณ (qualitative easing) ของธนาคารกลางยุโรปที่จะสิ้นสุดลง และการแข็งค่าต่อเนื่องของเงินเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้นการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในตลาดโลกน่าจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศในระดับสูงและมีกรอบการดำเนินนโยบายที่อ่อนแอกว่า อย่างไรก็ตามประเทศไทยน่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจโลกดังกล่าวได้ เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงและการรักษาฐานะทางการคลังให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้นจะส่งผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจที่พึงพิงการค้าระหว่างประเทศ (open economies) ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี ฟิทช์ เรทติ้งส์56ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับตัวลดลง
          คุณพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินของฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าภาคการธนาคารของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ส่วนใหญ่น่าจะสามารถรับมือกับการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ได้ ในกรณีที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีการส่งสัญญาณล่วงหน้าอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามปัจจัยหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยเฉพาะในประเทศที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินในระดับสูงหรือมีความสามารถในการชำระคืนหนี้ที่ค่อนข้างอ่อนแอ เช่นในประเทศเวียดนาม มองโกเลีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในด้านสภาพคล่อง ในกรณีที่ตลาดเงินตลาดทุนเกิดภาวะชะงักงันจากความวิตกกังวลในตลาด (stressed scenario) อย่างไรก็ตามภาคการธนาคารของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยส่วนใหญ่ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานและกฎเกณฑ์การกำกับดูแล โดยเฉพาะภาคการธนาคารของไทยนั้น น่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวได้เนื่องจากไม่ได้มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ และภาคการธนาคารไทยยังมีกันชนที่เข้มแข็งในด้านเงินกองทุนและสภาพคล่อง
          ต่อจากนั้นในเวทีเสวนาผู้บริหารระดับสูงมีการอภิปรายในหัวข้อโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในอาเซียน (ASEAN) โดยมีคุณวินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินการเสวนาในประเด็นเรื่องบทบาทและนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure investment) ในอาเซียน และความท้าทายและโอกาสสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีผู้ร่วมเสวนา ดังนี้ คุณธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง คุณเฮเลน ฮาน เจ้าหน้าที่ลงทุนอาวุโส โครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรธรรมชาติ บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) และ คุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
          งานสัมมนาครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานของรัฐ นักลงทุน และผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจและภาคการเงิน เข้าร่วมงานมากกว่า 3ธนาคารแห่งประเทศไทยธนาคารแห่งประเทศไทย คน
 
 
 

ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย+วิรไท สันติประภพวันนี้

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าในปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 2.4 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 2.8 และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนเมษายนนี้ "ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับธนาคารกลางทุกแห่ง เราได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากปัจจัยเรื่องความไม่

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล... PDPC ร่วมตำรวจ-ธปท. ทลายขบวนการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตผิดกฎหมาย ยึดกว่า 3.3 ล้านรายการ — สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC โดย พ.ต.อ....

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วทันใจ ก... อยากกู้เงินด่วนออนไลน์ เลือกที่ไหนดี มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง — ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วทันใจ การกู้เงินด่วนออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับคว...

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าคณะกรรมกา... ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย — ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแ...

ย้อนกลับไปในปี 2559 "พร้อมเพย์" ได้ถือกำเ... "พร้อมเพย์" 8 ปีแห่งการพลิกโฉมระบบการเงินไทย ระบบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง — ย้อนกลับไปในปี 2559 "พร้อมเพย์" ได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะโครงสร้างพื้...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนา... EXIM BANK ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว — ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EX...