นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายในงานแถลงข่าวการจัดงาน CEBIT ASEAN Thailand ว่า วิสัยทัศน์ของกระทรวงฯ มุ่งมั่นผลักดันทุกภาคส่วนของประเทศให้ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ภายใน 5 ปี โดยภาระกิจแรกของรัฐบาลคือทำให้โครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นอย่างทั่วถึง โครงการเน็ตประชารัฐจึงเกิดขึ้น ดำเนินการติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยแล้วกว่า 80% ที่เหลืออีก 20% จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2561 และสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อีกโครงการหนึ่ง คือ การขยายสายเคเบิ้ลใต้น้ำ ซึ่งติดตั้งสายหลักเรียบร้อยไปเมื่อเดือนกันยายน 2560 และจะมีสายที่สองออกจากประเทศไทยไปทางฮ่องกง เพราะฉะนั้นบริษัทต่างชาติที่จะเลือกประเทศไทยเป็นฐาน สามารถดำเนินการได้แล้วในปัจจุบัน
ภาระกิจที่สองคือต้องพัฒนาคน ให้เข้าใจถึงประโยชน์จากเทคโนโลยี ในด้านที่สาม คือ การสร้างเมืองอัจริยะ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ศรีราชา โดยมีการติดตั้ง กล้องCCTV และโครงการดิจิทัลพาร์ค ศรีราชา ที่จะเปิดเอกชนเข้ามาลงทุน สร้างสถานบันที่จะรวบรวมองค์ความรู้ด้านดิจิทัล เป็นต้น อีกด้านหนึ่งคือการสร้างความปลอดภัยด้านไซเบอร์ อีกทั้งในปีนี้จะมีกฏหมายความปลอดภัยด้านไซเบอร์ออกมา โดยกระทรวงฯ จะสร้างระบบ สร้างคน มาดูแลระบบหลักๆ ของประเทศ สุดท้ายคือ ทุกสำนักงานภาครัฐเป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ การใช้บัตรประชาชนที่เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดบัตรเดียวเมื่อติดต่อกับราชการ จะไม่มีการเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากประชาชน เป็นต้น โครงการทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นประเทศที่ทำธุรกิจและใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ประเทศหนึ่ง
ดังนั้น แล้วกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงพร้อมให้สนับสนุนการจัดงาน CEBIT ASEAN Thailand 2018 ในปีนี้ เชื่อว่างานนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมเทคโนโลยี ดิจิทัล และผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้ เจรจาธุรกิจ และเตรียมความพร้อมรับการปฏิรูปเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจแบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กล่าวว่า สนช. เป็นองค์กรหลักในการเสริมสร้างระบบนวัตกรรมแห่งชาติ ผ่านพันธกิจหลัก ได้แก่ ส่งเสริมการสร้างระบบนวัตกรรมแห่งชาติ สร้างโอกาสการเข้าถึง และการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรม และยกระดับทักษะและความสามารถทางนวัตกรรมของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังได้รับมอบหมายจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการส่งเสริม และสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพ เพื่อพัฒนาศักยภาพประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการสร้างสตาร์ทอัพในระดับนานาชาติ สำหรับงาน CEBIT ASEAN ในครั้งนี้ สนช. จัดเตรียมพาวิลเลี่ยนวัตกรรม และสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพในเครือข่ายให้เข้าร่วมแสดงสินค้าภายในงานดังกล่าวด้วย
ด้าน มร.ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน CEBIT ASEAN Thailand กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ภายใต้นโยบายภาครัฐ ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งให้ความสำคัญกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจ โดย CEBIT ASEAN จึงได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัล จากภาครัฐและเอกชน มาแบ่งปันความรู้และข้อมูลเชิงลึกภายในงานสัมมนาวิชาการ "CEBIT ASEAN Thailand: Unlock Your Business" อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), สถาบัน ไอเอ็มซี, บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ, บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด
สำหรับงาน CEBIT ASEAN Thailand ถือเป็นงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ถูกออกแบบให้ใกล้เคียงกับงาน CEBIT หลักในประเทศเยอรมัน จะประกอบไปด้วย 4 เวทีหลัก ได้แก่ d!conomy, d!tec, d!talk และ d!campus นับเป็นการผสมผสานงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ เข้ากับงานสัมมนา และความสนุกสนานในโซนเฟสติวัล นอกจากนี้ภายในงานยังมี พาวิลเลี่ยนจากนานาประเทศจากทั้งทวีปยุโรป และทวีปเอเชียไว้ด้วยกัน เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล และมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทย เข้าสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจแบบ 4.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีในการทำธุรกิจ CEBIT ASEAN Thailand มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 ตุลาคม 2561 ณ อาคาร 7-8 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลตอบรับของงานครั้งนี้จะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และผู้นำในอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยและต่างประเทศกว่า 8,000 รายเข้าร่วมงาน ภายในงานมุ่งเน้นการแสดงสินค้าในภาคส่วนต่อไปนี้ การสื่อสาร โครงสร้างเครือข่าย และความปลอดภัย (Communications, Network Infrastructure and Security) ข้อมูลและระบบคลาวด์ (Data and Cloud) โซลูชั่นสำหรับธุรกิจ (Business Solutions) อุปกรณ์ต่อพวงและอุปกรณ์เสริม (Peripherals and Accessories) ไอโอที และเทคโนโลยีอัจฉริยะ (IOT and Smart Technology) เทคโนโลยีใหม่ๆ (Emerging Technology) เช่น AR/VR/UAV/วิทยาการหุ่นยนต์/การพิมพ์ 3 มิติ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน www.cebitasean.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit