น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ มีปัจจัยบวกมาจากราคาน้ำมันดิบปิดทะยานขึ้นขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด ประกอบกับแบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% เริ่ม 5 ก.ค.อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถระดมเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึง Fund Flow ขายสุทธิลดลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และ Window Dressing สิ้นงวดไตรมาส 2/2561
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจาก ความกังวลว่าสงครามการค้าอาจลุกลามไปทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจสั่งห้ามไม่ให้บริษัทจีนเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ รวมทั้งมาตรการตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่มาตรการตอบโต้ของ EUในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้ามูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์จากสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ (29 มิ.ย.)
นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้าน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค วันที่ 27 มิ.ย. จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
รวมถึง วันที่ 28 มิ.ย. การประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) หารือเรื่อง ปัญหาของกลุ่มผู้อพยพ Brexit และการจัดเก็บภาษีสินค้าโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนอียูจะ เปิดเผย ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผย GDP ไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันที่ 29 มิ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดีดตัว คาดดัชนี SETผันผวนในกรอบ 1,600-1,665 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้นเข้า SETHD แนะนำ BCP, GLOW, MAJOR, RATCH, SGP, SPRC, TOP และTTW รวมถึง หุ้นเข้า SET50 แนะนำ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH และ TOA ซึ่งจะมีผล 2 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำ Window dressing ได้แก่ CPALL, ADVANC, CPN, EA , TVO และ GGC ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีสรรพสามิตสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลสูตร B20
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะสงครามการค้าโลกยังคงมีผลกดดันให้เงินทุนไหลออกจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และการที่ Fed ดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้นผ่าน QE Tapering พร้อมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินไหลกลับสหรัฐฯ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า แนวโน้มราคาทองคำจึงเป็นขาลงที่มีการรีบาวด์ได้เพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้งที่มีแรงลบต่อสกุลเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินไหลออก และดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนตัว จึงช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศให้แกว่งแบบ sideway down เมื่อเทียบกับราคาตลาดโลกที่ปรับลงเป็นแนวโน้ม ซึ่งการดีดขึ้นไม่เกิน 1,290 ดอลลาร์ หรือ ยืนเหนือ 1,285 ดอลลาร์ไม่ได้ จะถือเป็นโอกาสให้เข้า short เพื่อเล่นรอบ
ทั้งนี้ จึงแนะนำ ดักจังหวะเล่น swing short ในสินค้า Gold-D เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินสำหรับพอร์ตเล่นสั้น ส่วนพอร์ตเล่นรอบควรทยอยปิดทำกำไรฝั่งshort เมื่อราคาปรับตัวลง และปิดทำกำไรทั้งหมดที่บริเวณ 1,240 ดอลลาร์ก่อนประเมินทิศทางเพื่อเปิดสถานะใหม่อีกครั้ง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit