นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ บสย. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีบทบาทสำคัญด้านการ ค้ำประกันสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุน ได้ดำเนินงานครบรอบ 25 ปี จึงได้จัดงาน ครบรอบ 25 ปี บสย. ภายใต้แนวคิด "SUCCESS TOGETHER" เพื่อประกาศผลสำเร็จการดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ตลอดระยะเวลา 25 ปี โดยมียอดอนุมัติค้ำประกันสะสม ณ 31 พฤษภาคม 2561 กว่า 7 แสนล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อจำนวน 324,000 ราย
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่ประสบความสำเร็จ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs สำหรับผู้ประสบภัย, โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Transformation Loan และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสถาบันการเงิน และรัฐบาลให้การสนับสนุนต่อเนื่อง คือ โครงการค้ำประกันสินเชื่อแบบ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 1-6 (PGS 1- 6) ที่ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ เติบโตอย่างมั่นคง ลดการพึ่งพาเงินนอกระบบ
ภายใต้ยุทธศาตร์การดำเนินงานของ บสย. ที่มุ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับคู่พันธมิตร ในวันนี้ บสย. และสถาบันการเงินของรัฐ ยังได้ผนึกกำลังร่วมกัน ดำเนินโครงการตอบสนองแผนงานของรัฐบาล ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs จัดให้มีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินโครงการ ให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อกับผู้ประกอบการ SMEs รวม 2 โครงการคือ 1. โครงการสินเชื่อประชารัฐ ระหว่าง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับ บสย. และ 2. โครงการสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยความร่วมมือระหว่าง ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กับ บสย. เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ โดยมี บสย.ค้ำประกัน
ในโอกาสครบรอบ 25 ปี บสย. ได้เชิญ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง "ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน" โดย ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการบริการจัดการระบบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ, ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการ และนายวัชรินทร์ ตันติสันต์ นักวิจัยอาวุโส
รายงานผลการศึกษา ในปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2552 - 2558 งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้ บสย. นำมาใช้ในการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกๆ 1 บาท ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจสูงกว่า 4.5 เท่าของวงเงินค้ำประกัน ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม รวม 1.74 ล้านล้านบาท และพบว่า การค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ยังช่วยให้สินเชื่อที่สถาบันการเงินปล่อยให้ SMEs เกิดการขยายตัว 1.7 เท่า ของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ เกิดการจ้างงานจำนวน 3.6 ล้านราย และมีเงินภาษีกลับเข้าสู่รัฐกว่า 2.25 แสนล้านบาท ในด้านสัดส่วนความคุ้มค่าทางการเงิน หรือ Cost-Benefit Ratio จะมีค่าสัมประสิทธิ์ เท่ากับ 0.009 ซึ่งหมายถึง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกัน 100 บาท เกิดจากการใช้ต้นทุนรัฐเพียง 90 สตางค์
นายสุรชัย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปีของ บสย. ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ค้ำประกันสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs กับสถาบันการเงิน หน่วยงานพันธมิตรหลายภาคส่วน หอการค้า คลังจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เครดิตบูโร และคู่ความร่วมมือในระดับภูมิภาคร่วมกับ 11 สำนักงานสาขา ผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs เติบโต แข็งแรง และเป็นฐานรากสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
"ก้าวต่อไปของ บสย. มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาความเข้มแข็งทางการเงิน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แก่ผู้ประกอบการ SMEs สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ THAILAND 4.0 ก้าวสู่ยุค Digital Economy สู่การพัฒนานวัตกรรมด้านการค้ำประกันสินเชื่อ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ" นายสุรชัย กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit