โดยภายหลังจากงานเปิดตัวได้มีการจัดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลสำคัญในการจัดทำหนังสือเล่มดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา และประธานคณะที่ปรึกษาในการจัดทำหนังสือฯ รศ.ดร. สุขสรรค์ กันตะบุตร กรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา รองคณบดีงานวิจัย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และที่ปรึกษาในการจัดทำหนังสือฯ และ นายนิโคลัส กรอซแมน บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์ Editions Didier Millet (EDM)
"หลังจากองค์การสหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อมุ่งหวังให้นานาประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญและพร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวร่วมกัน ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตัวของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนในการที่จะทำให้สังคม และประเทศก้าวไปได้อย่างมั่นคง ส่งผลต่อภาคธุรกิจเองที่ต้องปรับตัวเพื่อรับกับความท้าทายดังกล่าว พร้อมทั้งต้องทบทวนเส้นทางการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืน เนื่องจากภาคธุรกิจถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจ สังคม และประเทศเกิดความเจริญก้าวหน้า หากธุรกิจมุ่งเน้นเพียงผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อมิติอื่นๆ ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น สังคม สิ่งแวดล้อม หรือวัฒนธรรม แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถบรรลุเรื่องความยั่งยืนได้อย่างแน่นอน" ดร.ประสาร กล่าว
เพื่อตอบสนองต่อความมุ่งมั่นเหล่านี้ สำนักพิมพ์ Editions Didier Millet (EDM) และมูลนิธิมั่นพัฒนา จึงพัฒนาเนื้อหาของหนังสือ Thailand's Sustainable Business Guide ร่วมกัน โดยมุ่งหวังที่จะให้หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นเสมือนคู่มือที่จะช่วยสร้างความเข้าใจถึงหลักการและแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่สำคัญให้กับบริษัท หรือองค์กรภาคธุรกิจ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ได้นำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจที่ตระหนักต่อเรื่องความยั่งยืน จะช่วยทำให้ประเทศและโลกของเราดีขึ้นได้จริง
หนังสือเล่มดังกล่าวเรียบเรียงโดยนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ นักเขียนที่มีชื่อเสียง และ ผู้สื่อข่าวอิสระ ความยาว 344 หน้า จำนวน 24 บท ประกอบไปด้วยเนื้อหา 3 ส่วนสำคัญ ส่วนแรกเป็นการพูดถึงภาพรวมของภาคธุรกิจกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังได้ทำความเข้าใจอย่างถูกต้องถึงการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับภาคธุรกิจ ตลอดจนความเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล ส่วนที่สองให้ความสำคัญถึงการนำเรื่องความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของหนังสือประเภทธุรกิจที่มีการยกตัวอย่าง และกรณีศึกษาในการนำเรื่องดังกล่าวไปใช้ในส่วนงานต่างๆ ขององค์กรธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยหลายองค์กรได้ประยุกต์ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย และส่วนที่สามซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวทางในการนำแนวคิดดังกล่าว ไปแก้ปัญหาความท้าทายแยกตามประเภทธุรกิจ อีกทั้งในหนังสือยังมีภาพประกอบที่เป็นอินโฟกราฟิก รวมถึงสถิติที่น่าสนใจ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นยังมีกรณีศึกษาจากองค์กรธุรกิจประเภทต่างๆ จำนวน 57 องค์กร และบทสัมภาษณ์จากผู้บริหารและผู้นำธุรกิจถึง 30 ท่านด้วยกัน
นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ยังได้รับการสนับสนุนการผลิตจากองค์กรและบริษัทต่างๆ ที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ มูลนิธิมั่นพัฒนา
นายนิโคลัส กล่าวว่า "หนังสือเล่มนี้มีจุดเด่นสำคัญที่จะช่วยให้ผู้อ่านเห็นวิธีการ (How to) ในการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคธุรกิจไทย ซึ่งเห็นได้ว่าหลายองค์กรถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย และอุปสรรคที่ต่างกัน แต่ก็ให้ความสำคัญ พร้อมกับมุ่งมั่นในการจัดการปัญหาดังกล่าว ตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาในมิติอื่นๆ ให้เติบโตไปพร้อมกัน บางองค์กรได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปอยู่ในวิสัยทัศน์ ภารกิจ ตลอดจนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจขององค์กร ส่งผลให้องค์กรเติบโต และมีโอกาสในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น"
ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ จำนวน 5 ท่าน ที่ได้กรุณาให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาตลอดระยะเวลาการจัดทำหนังสือ ได้แก่ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และกรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานอาวุโส หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล นายกิตติ วะสีนนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหราชอาณาจักร และ รศ.ดร. สุขสรรค์ กันตะบุตร รองคณบดีงานวิจัย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และกรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา
"แนวทางในการพัฒนาธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนนั้นมีหลายแนวทาง แต่แนวทางหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าสามารถตอบโจทย์เรื่องของความยั่งยืนได้จริง นั่นก็คือการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในองค์กรภาคธุรกิจ ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สามารถยืนยันได้ว่า การที่องค์กรนำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้นอกจากจะทำให้เกิดผลกำไรที่ดีแล้ว ยังสามารถทำให้องค์กรมีภูมิคุ้มกันเมื่อเจอวิกฤตที่รุนแรง มีแนวทางในการรับมือกับปัญหาและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแรงขึ้น ส่งผลต่อการดำเนินกิจการและความสุขของคนในองค์กรเช่นกัน" รศ.ดร. สุขสรรค์ กล่าว
หนังสือ Thailand's Sustainable Business Guide ถือเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญสำหรับผู้อ่านทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารในองค์กรธุรกิจ ผู้ประกอบการธุรกิจ หรือแม้กระทั่งพนักงานทั่วไป ตลอดจนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน และนักศึกษา ทั้งนี้หน่วยงานหรือผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อหนังสือดังกล่าวได้ที่ร้าน Kinokuniya และ Asia Books ในราคา 1,350 บาท รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.amazon.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit