ประเด็นสำคัญจากเวทีเสวนา Capital Market Research Forum “เศรษฐกิจไทยได้อะไรจากการลงทุนในต่างประเทศของภาคเอกชน”

          เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 จัดโดยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
          เรียบเรียงโดย สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

          ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่เงินลงทุนของบริษัทไทยไปต่างประเทศ (Thai direct investment) มีมูลค่ามากกว่าเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย (Foreign direct investment) นำมาสู่คำถามว่า เศรษฐกิจไทยได้อะไรจากการออกไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทไทย มูลค่าเงินลงทุนในประเทศจะลดลงหรือไม่

          ในมุมมองทางวิชาการ ผลงานวิจัยโดย รศ.ดร. ภวิดา ปานะนนท์ ชี้ให้เห็นว่า จากการศึกษาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "การลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ส่งผลให้การลงทุนในประเทศลดลง และยังมีส่วนช่วยให้เกิดการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นในอีก 1 ปีหลังจากที่เกิดการลงทุนในต่างประเทศ" โดยกลไกที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศได้รับประโยชน์จากการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงได้แก่ 1) การเปิดตลาดในต่างประเทศส่งผลให้การผลิตของ supply chain ในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย (vertical upgrading) 2) การลงทุนในต่างประเทศส่งผลให้เกิดกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับหน่วยงานในประเทศ (horizontal upgrading) การลงทุนในต่างประเทศจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานรากก็ต่อเมื่อภาครัฐและภาคเอกชนมีความเข้าใจตรงกันโดยรัฐควรสนับสนุนให้เกิดการส่งผ่านผลประโยชน์จากการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ให้มาถึงบริษัทขนาดกลางและเล็กในประเทศที่อยู่ใน supply chain เดียวกันให้สามารถพัฒนาไปพร้อมกับบริษัทขนาดใหญ่ กลไกนี้จะส่งผลดีมากกว่าการสนับสนุนเงินทุนแบบให้เปล่าเพื่อการลงทุนในต่างประเทศแก่บริษัทขนาดกลางและเล็ก
          แนวคิดนี้สอดคล้องกับความเห็นของภาคเอกชนโดยคุณสุรงค์ บูลกุล เห็นว่าประเทศไทยมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับบริษัทขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องขยายธุรกิจไปต่างประเทศซึ่งต้องเผชิญความเสี่ยงหลายประการ อาทิ ความเสี่ยงด้าน know how สำหรับการประกอบธุรกิจในต่างประเทศ ขาดกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ ความเสี่ยงด้าน know who สำหรับการหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ ตลอดจนกฎ กติกา วิถีในการทำธุรกิจในแต่ละประเทศที่แตกต่างกันอย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทขนาดกลางและเล็ก ดังนั้นบริษัทขนาดกลางและเล็กจำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสำหรับการไปลงทุนในต่างประเทศโดยจะต้องมีพันธมิตรเป็นบริษัทขนาดใหญ่เป็นผู้นำในการลงทุนในต่างประเทศ นอกจากนี้ควรกำหนดยุทธศาสตร์การลงทุนในต่างประเทศในระดับกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมและในระดับประเทศ หากอุตสาหกรรมใดที่มีศักยภาพในการลงทุนในต่างประเทศและจะทำให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ supply chain ที่อยู่ในประเทศ อุตสาหกรรมนั้นควรได้รับการสนับสนุนให้ลงทุนในต่างประเทศ
          แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทจึงขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และอาจส่งผลให้การลงทุนในประเทศลดลง แต่หากทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุน ภาคเอกชนจะเพิ่มการลงทุนในประเทศ แนวคิดดังกล่าวเป็นมุมมองของภาครัฐโดย ดร. ศรพล ตุลยะเสถียร ที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยรัฐมีบทบาทในการสนับสนุนการลงทุนในประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุน เช่นการพัฒนา Eastern Economic Corridor ที่จะเชื่อมไทยเข้ากับภูมิภาค ในส่วนการลงทุนในต่างประเทศไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่บริษัทจำนวนมากที่ลงทุนในต่างประเทศยังลงทุนใน low value supply chain เช่น การผลิต การหาวัตถุดิบ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับการจับปลาเล็ก (catch small fishes) หากภาครัฐจะส่งเสริมควรส่งเสริมให้ลงทุนด้วยกลยุทธ์ catch big fishes โดยลงทุนใน high value supply chain เช่น การวิจัยและพัฒนา การสร้างแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการยกระดับบริษัทผู้ลงทุนเอง และผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศโดยการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากประสบการณ์ในต่างประเทศ
          ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เศรษฐกิจไทยน่าสนใจสำหรับการลงทุนควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศในรูปแบบที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศผ่านความเชื่อมโยงภายใน supply chain หรือในกลุ่มอุตสาหกรรมจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกันในทุกระดับ

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

"เงินติดล้อ" ผนึกตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งปันไอเดีย การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในองค์กร

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม "Happy Money Sharing: Financial Well-Being Journey 2025" จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในองค์กร แก่ผู้แทนองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั้งหมด 28 องค์กร ให้สามารถไปปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กร สมาชิกในชุมชน หรือประชาชนทั่ว

มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิ... THNIC จับมือ SET และ ICANN จัดงาน UA Day 2025 ใช้โดเมนและอีเมลภาษาไทย ปูทางธุรกิจไทยก้าวสู่สากล — มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิค) ร่วมกับตลาดห...

นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ... RBF โชว์ศักยภาพธุรกิจ-แผนขยายตลาด ตปท. งาน "Thailand Earning Call" ปังธง ปี 68 รายได้รวม โต 10-15% — นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและก...

นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที... "MEDEZE" โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024 — นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรื...

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเ... SAFE โชว์กำไรฯปี 67 แตะ 167.09 ลบ. จ่ายปันผล 0.62 บ./หุ้น — นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวชนิดา พัธโนทัย (ขวา) ประธา...

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหา... "SNPS" ฉายภาพธุรกิจ งาน Opp Day โชว์กำไรปี 67 โตแรง 169% — ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายอชิตเดช อาชาไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่...