วิกฤติรอบใหม่อาจเกิดขึ้นแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว

          ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย 

          ครบรอบ 2ระหว่างประเทศ ปีวิกฤติต้มยำกุ้ง...ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไหม?
          - เมื่อ 2ระหว่างประเทศ ปีก่อน ในวันที่ 2 ก.ค. 254ระหว่างประเทศ เราต้องยอมจำนนต่อการโจมตีค่าเงิน ทางธปท. ต้องปล่อยเงินบาทให้อ่อนค่าตามกลไกตลาดจากเดิมที่ตรึงค่าเงินไว้ที่ราว 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เงินสำรองระหว่างประเทศถูกใช้ในการปกป้องค่าเงิน แต่จะโทษธปท. ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะทั้งธนาคารพาณิชย์และนักลงทุนต่างก็มีส่วนในการปล่อยให้ระบบการเงินมีปัญหา ทั้งจากการประเมินสินทรัพย์และความเสี่ยงที่ไม่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐาน และความโลภที่บังตา 
          - อย่าว่าแต่เมืองไทยเลย แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งระดับโลกก็ไม่อาจทำนายวิกฤติการเงินในสหรัฐ ในยุโรป หรืออีกหลายประเทศได้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ต่อให้ในปัจจุบันเราจะมีข้อมูล มีแบบจำลองที่ซับซ้อน และมีผู้เชี่ยวชาญมาเฝ้าระวังมากมาย แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า วิกฤติการเงินจะไม่เกิดขึ้นอีก 
          - อย่าถามนักเศรษฐศาสตร์เลยครับว่าวิกฤติการเงินหรือวิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่และด้วยสาเหตุอะไร ผมว่าเสียเวลาเปล่า เพราะพวกเราไม่เคยทำนายได้ถูกหรอกครับ

          อย่าวางใจดีกว่า...วิกฤติอาจมาในรูปแบบใหม่
          - สาเหตุที่นักเศรษฐศาสตร์ไม่สามารถทำนายวิกฤติได้อย่างถูกต้องก็เพราะว่าวิกฤติเปลี่ยนรูปแบบไปมา ต่อให้เราเฝ้าระวังแผลเดิม มันก็มีช่องโหว่สำหรับแผลใหม่ที่เราไม่คาดคิดได้เสมอ
          - ทีนี้แผลใหม่หรือรูปแบบของวิกฤติรอบใหม่จะเป็นอะไรได้บ้าง ที่แน่ๆ มันคงไม่ซ้ำรอยปี 254ระหว่างประเทศ เพราะทางธปท. ดูแลเสถียรภาพการเงินได้ดี เงินสำรองระหว่างประเทศมีเพิ่มขึ้นมาก
          - หากวิกฤติการเงินเกิดเพราะความโลภ เมื่อเราไม่โลภ วิกฤติก็ไม่เกิด ที่ชัดเจนคือความอยากได้ผลตอบแทนการลงทุนสูงๆ ทั้งส่วนต่างราคาซื้อขายและอัตราผลตอบแทน อัตราดอกเบี้ยในอดีตนั้นสูงอยู่แล้ว แต่คนอยากได้ผลตอบแทนสูงขึ้นไปอีก วิกฤติปี 4ระหว่างประเทศ จึงเกิด ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยแสนจะต่ำ คนถูกบีบให้ไปหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เพื่อนำไปใช้จ่ายเพียงพอในยามสูงอายุ จนอาจสูญเสียเงินลงทุน และนำไปสู่ปัญหาด้านเสถียรภาพการเงิน แต่นั่นก็อยู่ในวิสัยของธปท. ที่กำกับดูแลได้ จึงไม่น่านำไปสู่วิกฤติรอบใหม่ได้

          แล้วทำไมผมถึงตั้งคำถามว่าเรากำลังยืนฉงนอยู่ท่ามกลางวิกฤติโดยไม่รู้ตัวหรือไม่?
          - นั่นเพราะวิกฤติเปลี่ยนรูปร่างได้เสมอจนเราไม่อาจตามทันได้ วิกฤติที่เราคุ้นเคยมักเกิดขึ้นด้วยช๊อกหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด เศรษฐกิจหดตัวแรง เหมือนรูปตัว V เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุด แต่พอสถานการณ์คลี่คลาย เศรษฐกิจมีการปรับโครงสร้างใหม่ ก็จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วกลับขึ้นมาอีกครั้ง เช่นในช่วงวิกฤติปี 254ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจไทยใช้เวลาราว 4 ปีก่อนจะกลับมามีขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP เท่ากับช่วงก่อนวิกฤติได้ในปี 2544 หลังจากนั้นก็เติบโตอย่างรวดเร็วที่เฉลี่ยราว 5.4% ในช่วง 2544-255ระหว่างประเทศ ก่อนวิกฤติลูกใหม่กระทบไทยในปี 2551
          - ในภาวะปัจจุบัน แม้เราคงไม่เห็นรูปตัว V อีก แต่อย่านิ่งนอนใจไป เพราะวิกฤติที่รุนแรงกว่าเดิมอาจก่อตัวขึ้นแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว นั่นคือเศรษฐกิจรูปตัว L ที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ราวสัก 3.5% และลากยาวต่อเนื่องไปอย่างยาวนาน หากเทียบวิกฤติรอบปี 254ระหว่างประเทศ กับภาวะปัจจุบันแล้ว แน่นอนว่าปี 254ระหว่างประเทศ มีความรุนแรงกว่ามาก ดังเห็นได้จากเศรษฐกิจหดตัวแรง เรามีปัญหาคนว่างงาน คนยากจน แต่อย่าลืมว่าวิกฤติครั้งนั้นเปิดโอกาสให้มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ จนกลับมาทะยานใหม่ได้ หากแต่รอบนี้เราไม่มีโอกาสรู้ตัว การปรับตัวค่อนข้างช้า และการที่เศรษฐกิจซึมยาวนั้น แม้ในระยะสั้นไม่เจ็บปวด แต่ในระยะยาวนั้น ขนาดเศรษฐกิจอาจขยายใหญ่ได้ไม่เท่าการเกิดวิกฤติในรูปตัว V เสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะการเติบโตที่ช้ามันกัดกร่อนศักยภาพและการปรับตัวของคนไทย

          แล้วนักเศรษฐศาสตร์มีทางแก้ไหม?
          - ตามทฤษฎีแล้ว การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาศัยอยู่สองปัจจัย ปัจจัยแรกคือการขยายตัวของประสิทธิภาพแรงงาน และประการที่สองคือการขยายตัวของจำนวนแรงงาน ในอดีตเมื่อ 2ระหว่างประเทศ ปีก่อน ประเทศไทยโชคดีที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของประชากรที่มีวัยทำงานเพิ่มขึ้นเร็ว ต่อให้ประสิทธิภาพของแรงงานเพิ่มขึ้นไม่มาก เศรษฐกิจก็สามารถขยายตัวได้ดี ด้วยจำนวนแรงงานที่เติบโตสูง แต่ในตอนนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ ประชากรวัยแรงงานเพิ่มขึ้นน้อยมาก ในขณะที่ประสิทธิภาพของแรงงานยังคงโตช้า แล้วจะไปหวังให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างไร?
          - สุดท้ายทางออกก็หวังว่ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Thailand 4.ระหว่างประเทศ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน ให้เกิดการลงทุนด้านใหม่ๆ ให้แรงงานคนเดิมผลิตของได้มากชิ้นขึ้น หรือสร้างรายได้หรือมูลค่าสินค้าได้ดีขึ้น เสมือนการปรับโครงสร้างเช่นในอดีต ให้เศรษฐกิจไทยผ่านวิกฤติตัว L กลับมาเป็น U หรือ V ได้ในอนาคต แต่ที่สำคัญคือ ประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤติที่เรายังไม่รู้ตัวไปได้หรือไม่ ก็ฝากความหวังไว้กับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไว้ด้วย หาไม่แล้ว ศักยภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จะโตได้เพียง 3.5% ต่อปี คงเป็นการตอกย้ำว่าเราไม่อาจผ่านพ้นวิกฤติรอบนี้ไปได้
วิกฤติรอบใหม่อาจเกิดขึ้นแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว

ข่าวธนาคารซีไอเอ็มบีไทย+ธนาคารซีไอเอ็มบีวันนี้

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จับมือ ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศความร่วมมือรับศักราชใหม่ สร้างความแข็งแกร่งผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ในประเทศไทย

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำธุรกิจประกันชีวิต ผนึกกำลัง ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) ("ซีไอเอ็มบี ไทย") ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มซีไอเอ็มบี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการทางด้านการเงินชั้นแนวหน้าของภูมิภาคอาเซียน ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ในประเทศไทย โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันชีวิตของพรูเด็นเชียล ทั้งในด้านสุขภาพรวมถึงการสร้างความมั่งคั่ง ให้แก่ลูกค้าของซีไอเอ็มบี ไทย

นายวิสุทธิ์ บริบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ ... ภาพข่าว: โอนเงินไว ไปต่างแดน เริ่มต้น 99 บ. — นายวิสุทธิ์ บริบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจรายย่อย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ( คนที่ 3 จากขวา)...