เชฟรอน รวมพลังจิตอาสา พลิกฟื้นคืนผืนดิน ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน

16 Oct 2017
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด นำโดย นายแบรด มิดเดิลตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอนเอเชียเซาท์ จำกัด และนายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด นำจิตอาสาเชฟรอนและครอบครัวกว่า 200 คน ทำกิจกรรม 'สุขอาสา' หรือ 'We Volunteer' ร่วมกันปลูกป่าชายเลนและปล่อยสัตว์น้ำคืนสู่ทะเล ภายใต้โครงการ 'รวมพลังพลิกฟื้นคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อม' เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยป่าชายหาด ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เชฟรอน รวมพลังจิตอาสา พลิกฟื้นคืนผืนดิน ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน

นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า"กิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 'สุขอาสา' หรือ 'We Volunteer' ที่เชฟรอนจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น ปีที่ 4 เพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้มีโอกาสร่วมกันทำความดีและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคม ผ่านการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ ตามความสมัครใจและความเหมาะสมกับกำลังของตนเอง ภายใต้แนวทาง 'One Goal One Team' ซึ่งเป็นค่านิยมหลักของเชฟรอนในการส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม ตลอดจนสนับสนุนให้พนักงานซึ่งเป็น 'พลังคน' ที่สำคัญ ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์แก่ชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่เชฟรอนให้ความสำคัญมาโดยตลอด 55 ปี ที่เราดำเนินงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ"

นายแบรด มิดเดิลตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอนเอเชียเซาท์ จำกัด กล่าวว่า "เชฟรอนสนับสนุนอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในการดำเนินโครงการ 'รวมพลังพลิกฟื้นคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี' มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ด้วยงบประมาณสนับสนุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนให้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะปรับสภาพดิน ปลูกและบำรุงรักษากล้าไม้จำนวน 18,000 ต้น บนพื้นที่ 60 ไร่ ของอุทยานฯ ภายในระยะเวลา 6 ปี เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเพิ่มความหลากหลายของระบบนิเวศในพื้นที่อย่างยั่งยืน"

นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า "อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ก่อตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิริธร เพื่อเป็นพื้นที่ตัวอย่างด้านการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการอนุรักษ์พลังงาน และการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน การทำกิจกรรมอาสาของอาสาสมัครเชฟรอนครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญเพื่อขับเคลื่อนภารกิจของอุทยานฯ ตามแนวพระราชดำริ เพื่อสร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่า การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวให้กลับมามีความสมบูรณ์ และการสร้างระบบนิเวศวิทยาที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำหลากหลายชนิดในชุมชน"

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาเชฟรอนและครอบครัว รวมกว่า 200 คน ร่วมกันปลูกกล้าไม้หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ต้นโพธิ์ทะเล หูกวางทะเล นนทรี ประดู่บ้าน มะค่าโมง ขี้เหล็ก อินทนิล พฤกษ์ รวมจำนวน 2,000 ต้น และปล่อยพันธุ์ปลากะพงขาวและปูม้ารวมอีกกว่า 2,500 ตัว เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศด้วยสัตว์น้ำนานาพันธุ์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศวิทยาป่าชายเลนและป่าชายหาดของชุมชน

นายณัฐวุฒิ เจริญธันวา หัวหน้าทีมนักธรณีวิทยา บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึงความประทับใจต่อกิจกรรมในวันนี้ว่า "รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสลงมือทำประโยชน์กลับคืนให้กับสังคม ทุกครั้งที่เชฟรอนจัดกิจกรรมอาสาผมก็จะเข้าร่วมเสมอ เพราะนอกจากจะได้รับความสุขซึ่งเกิดจากการได้ช่วยเหลือสังคมแล้ว ผมยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ต่างแผนกและสามารถสานสัมพันธ์กับทีมงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ครอบครัวของพนักงานได้มาร่วมทำกิจกรรมด้วย ยังทำให้ครอบครัวได้เห็นว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อพนักงานและการอนุรักษ์ธรรมชาติมากเพียงใด และทำให้พวกเขาเข้าใจในความรักและความทุ่มเทที่เรามีต่อเชฟรอนมากยิ่งขึ้น และเกิดความรู้สึกรักเชฟรอนเหมือนที่เรารักด้วย"

เชฟรอน รวมพลังจิตอาสา พลิกฟื้นคืนผืนดิน ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน เชฟรอน รวมพลังจิตอาสา พลิกฟื้นคืนผืนดิน ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน เชฟรอน รวมพลังจิตอาสา พลิกฟื้นคืนผืนดิน ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน