“ WHA GROUP ” โชว์ฟอร์มเด่น เตรียมเปิดนิคมฯ พิเศษรองรับ EEC ลัดฟ้า Road Show ฮ่องกง – ยุโรป - สิงคโปร์ ตอกย้ำความสำเร็จทางธุรกิจ

21 Aug 2017
บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA GROUP เดินหน้าขยายการลงทุน ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมอากาศยานและชิ้นส่วน หุ่นยนต์ และยานยนต์แห่งอนาคต สอดรับนโยบาย EEC ของภาครัฐ พร้อมเตรียมเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ (Non-Deal Roadshow) เดือนกันยายนและ พฤศจิกายนนี้ ด้าน GROUP CEO "จรีพร จารุกรสกุล" ปลื้ม งบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 โตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่เข้า SET ไม่นับไตรมาสที่มีการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรวมฯ/กองทรัสต์ฯ โดยไตรมาส 2/2560 มีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 3,407.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% YOY และมีกำไรสุทธิ 972.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191% YOY เหตุจากทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดี
“ WHA GROUP ” โชว์ฟอร์มเด่น เตรียมเปิดนิคมฯ พิเศษรองรับ EEC ลัดฟ้า Road Show ฮ่องกง – ยุโรป - สิงคโปร์ ตอกย้ำความสำเร็จทางธุรกิจ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือWHA Group ผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจร ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง2560 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศตาม Business Plan ที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถบรรลุยอดขายที่ดินในนิคมฯ ทั้งปีได้ 1,400 ไร่ โดยบริษัทฯ เตรียมแผนยกระดับนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มขึ้นเป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมอากาศยานและชิ้นส่วน หุ่นยนต์ และยานยนต์แห่งอนาคต สอดรับกับนโยบายเขตส่งเสริมพิเศษที่จะต้องเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลตามแผน EEC นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เฟส 1 จำนวนกว่า 3,000 ไร่ ได้ในช่วงปลายปีนี้

ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค คาดว่า รายได้การให้บริการน้ำทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ประมาณ 10% จากปริมาณลูกค้าในนิคมฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ซึ่งมีการใช้น้ำในปริมาณมาก เช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 40% จากการมีโรงไฟฟ้าที่จะ COD ได้ตามแผนอีก 3 แห่งในครึ่งหลังของปีนี้

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ในประเทศ ตั้งเป้าพื้นที่เช่า 200,000 – 250,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดพื้นที่ที่ทำสัญญาแล้วและอยู่ระหว่างเจรจาที่มีความเป็นไปได้สูง ทั้งโครงการ Built-to-Suit และ Sale and Leaseback แล้วกว่า 80% ของเป้าหมายที่วางไว้ และโครงการโลจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซีย กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในโครงการเฟสที่ 2

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมเดินสายโรดโชว์ (Non-Deal Roadshow) นำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างประเทศ โดยจะเดินสายไปฮ่องกงและยุโรปในเดือนกันยายน และสิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการให้บริการครบวงจรในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์มของประเทศ และแสดงศักยภาพความพร้อมในการรองรับโครงการลงทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามนโยบาย EEC ของภาครัฐ

สำหรับแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (กองทรัสต์ HREIT) ในช่วงปลายปี คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าและสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4ของปีนี้ โดยตั้งเป้าขายทรัพย์สินประเภท Built-to-Suit ให้กองทรัสต์ WHART มูลค่าไม่เกิน 3,090 ล้านบาท และขายทรัพย์สินประเภท Ready-Built ให้กองทรัสต์ HREIT มูลค่าไม่เกิน 1,690 ล้านบาท โดยทั้งกองทรัสต์ WHART และHREIT ต่างได้รับมติอนุมัติการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินของบริษัทฯ จากที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์แล้ว เมื่อวันที่ 13กรกฎาคม และวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ตามลำดับ

โดยกระบวนการต่างๆ ของกองทรัสต์ WHART และกองทรัสต์ HREIT อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนในช่วงปลายปีนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ 13,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA Group ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 3,407.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น1,423.6 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 72% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 972.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191% ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด และสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยไม่นับไตรมาสที่มีการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรวมฯ/กองทรัสต์ฯ

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมตามเป้าหมาย รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้นจากการรับรู้กำไรเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้า SPP อีก 2 แห่งที่เปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และเดือนพฤษภาคม 2560 จำนวน 62.8 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น มีผลทำให้จำนวนเมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมในโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการและรับรู้รายได้แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 382.1 เมกกะวัตต์ ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอย่างมาก จากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวได้ตามแผน โดยชำระคืนหนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาทในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 4,772.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่3,707.5 ล้านบาท เนื่องจากมียอดการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ตามแผน และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรฯ จากธุรกิจพลังงานจากโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 แห่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลงได้อย่างมากจากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวได้ตามแผน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,053.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 454.4 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 132%