น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "บลจ.กรุงศรี เล็งเห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fund ซึ่งได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว ณ 31 ก.ค. 60 (ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / การจัดอันดับดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมจัดการลงทุนแต่อย่างใด) บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นอินเดียชั้นนำในอุตสาหกรรมที่เชี่ยวชาญการคัดเลือกหลักทรัพย์คุณภาพสูงที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดในระยะยาว กองทุนหลักมีสไตล์การลงทุนที่เน้นความยั่งยืน ไม่หวือหวา ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนในระยะยาว การรักษาเงินต้น และการสร้างการเติบโตของเงินลงทุน ตัวอย่างธุรกิจที่ผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจลงทุน เช่น บริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารภาคเอกชนและบริษัทเงินทุนชั้นนำในอินเดีย เป็นต้น"
"กองทุนหลักมีผลตอบแทนที่แข็งแกร่งเหนือดัชนีชี้วัด โดยสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 17.3% เทียบกับดัชนีชี้วัด 4.3% ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีคือ 21.6% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 9% และผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีคือ 14.1% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 3.1%" (ข้อมูล : First State Investments ณ 30 มิ.ย. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)"
"บลจ.กรุงศรี มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงติดอันดับโลก เฉลี่ยประมาณ 7.5% ต่อปี ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศ G20 โดยมีปัจจัยสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งในส่วนของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การขาดดุลการค้าและงบประมาณของอินเดียมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งระดับเงินเฟ้อได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำ ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยที่มีเสถียรภาพ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายโมดิ ทำให้การเมืองที่เคยอ่อนแอของอินเดียกลับมามีเสถียรภาพสูง รวมทั้งนโยบายการปฎิรูปที่โดดเด่นของนายกรัฐมนตรีโมดิที่ประกาศใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดการพลิกโฉมทางเศรษฐกิจของอินเดีย ส่งผลให้ระดับความสามารถทางการแข่งขันของอินเดียปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างมาตรการที่โดดเด่น อาทิ การเปลี่ยนแปลงระบบจัดเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) ให้เป็นระบบเดียวกันทั่วประเทศเพื่อลดความซับซ้อน การพัฒนาระบบฐานข้อมูลชีวภาพของประชากรในประเทศที่กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคการเงินในประเทศ เป็นต้น"
"ปัจจัยด้านประชากรของอินเดียก็มีความได้เปรียบจากการที่มีจำนวนประชากรสูง โดยอายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 27 ปี แสดงให้เห็นถึงจำนวนประชากรในวัยทำงานที่มีจำนวนมาก ถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ระบบเศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าประชากรของอินเดียจะเติบโตแซงหน้าจีนภายในปี 2025 อีกทั้ง การพัฒนาเข้าสู่สังคมเมืองของชนชั้นกลางในอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และโครงสร้างฐานรายได้ของประชากรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มดีกว่าประเทศในภูมิภาค และมีแนวโน้มที่อินเดียจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจภายในปี 2050 และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่ายุโรปและสหรัฐอีกด้วย"
"บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่า กองทุน KF-INDIA จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการกระจายการลงทุนไปในตลาดที่มีศักยภาพเติบโต เพื่อแสวงหาผลตอบแทนรวมที่สูงขึ้นในระยะยาว" น.ส.ศิริพร กล่าว
กองทุน KF-INDIA มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 : เสี่ยงสูง และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit