ทิสโก้มองกลุ่ม Healthcare สหรัฐฯ น่าลงทุน เหตุยัง Laggard แม้มีปัจจัยหนุน พร้อมออกทริกเกอร์ฟันด์ช่วยจับจังหวะ

22 Mar 2017
ทิสโก้มองหุ้นกลุ่ม Healthcare ยังน่าสนใจ เหตุ Laggard ตลาดโดยภาพรวม และมีแรงหนุนจากนโยบายของ Trump แนะควรจับจังหวะเข้าลงทุน พร้อมออกทริกเกอร์ฟันด์ Healthcare กองที่ 2 ตั้งเป้าเลิกโครงการที่ 10.50 บาท/หน่วย ภายในเวลา 5 เดือน IPO วันนี้ - 28 มี.ค. นี้
ทิสโก้มองกลุ่ม Healthcare สหรัฐฯ น่าลงทุน เหตุยัง Laggard แม้มีปัจจัยหนุน พร้อมออกทริกเกอร์ฟันด์ช่วยจับจังหวะ

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) ให้มุมมองด้านการลงทุนว่า ถึงแม้ในขณะนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มยังปรับตัวขึ้นมาน้อยกว่าตลาดหุ้นในภาพรวม (Laggard) เช่น หุ้นในกลุ่มธุรกิจสุขภาพ (Healthcare) โดยปัจจุบัน P/E ของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยังตามหลัง P/E ของ S&P500 อยู่มากกว่า 10% จึงนับว่า Valuation ยังถูก และยังมี Upside เหลืออีกพอสมควร จึงมองเป็นโอกาสลงทุน

บลจ. ทิสโก้ จึงยังตัดสินใจออกทริกเกอร์ฟันด์ Healthcare สหรัฐฯ เป็นกองที่ 2 ของปี คือ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส Healthcare ทริกเกอร์5M#2" (TISCO US Healthcare Trigger 5M Fund 2: THCT5M2) ทริกเกอร์ฟันด์เพื่อลงทุนเฉพาะเจาะจงหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 10.50 บาท/หน่วย ภายในเวลา 5 เดือน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ แต่หากกองทุนไม่ถึงเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการโดยที่เป้าหมายยังดำเนินต่อไป ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทนเมื่อเลิกกองทุนและเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เสนอขายครั้งแรก (IPO) วันนี้ - 28 มี.ค. นี้

"หลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังเป็น Sector ที่ Laggard ตลาดหุ้นโดยภาพรวม อย่างไรก็ดี เนื่องจากความกังวลต่อมาตรการการควบคุมราคายาเริ่มผ่อนคลายลง จึงทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวกลับมามีความน่าสนใจ โดยซื้อ-ขายกันที่ P/E ระดับต่ำกว่า P/E ของ S&P500 มากกว่า 10% นอกจากนี้ ยังคาดว่าธุรกิจในกลุ่ม Healthcare จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล และการลดภาษีการโอนผลกำไรกลับเข้าประเทศของประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทในกลุ่มดังกล่าวจะนำเงินกลับเข้ามาซื้อหุ้นตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Healthcare มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น" นายสาห์รัช กล่าว

"หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังเป็น Sector ที่ Laggard ตลาดหุ้นโดยภาพรวมซึ่งขึ้นไปสูงมากแล้ว เราจึงมองว่ามีความน่าสนใจ โดย Valuation อยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาด อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล และการลดภาษีการนำกำไรกลับเข้าประเทศของประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจกลุ่มHealthcareจะนำเงินกลับมาซื้อหุ้นคืน " นายสาห์รัช กล่าว

ทั้งนี้ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส Healthcare ทริกเกอร์ 5M#2" จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Health Care Select Sector SPDR Fund เป็นกองทุนหลัก ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค กองทุนจึงอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit