ดำเนินงานบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรม เพื่อขจัดปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมใน 90 ประเทศทั่วโลก มาเป็นเวลายาวนานถึง 75 ปีแล้ว สำหรับ องค์การอ็อกแฟม องค์กรการกุศลไม่แสวงผลกำไรที่ทำงาน ช่วยเหลือผู้ยากไร้มากกว่า 12 ล้านคน สำหรับประเทศไทยนั้น อ็อกแฟม เข้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 เริ่มจากการทำงานช่วยเหลือเกษตรกร และครอบครัวผู้ติดเชื้อ HIV จนในปี พ.ศ. 2546 จึงเปิดสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการ และเริ่มมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้คนยากจนสามารถเข้าถึงยาราคาถูก และหนึ่งในยาสำคัญ นั่นคือยาต้านเชื้อสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV
เกือบ 14 ปี ของการทำงานในประเทศไทย องค์การอ็อกแฟมมุ่งเน้นทำงานพัฒนาเพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมคนในประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการทำประมงแบบผิดกฎหมายที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเล และวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้าน รวมถึง ปัญหาของกลุ่มผู้หญิงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สูญเสียสามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จึงเป็นที่มาของการจัดโครงการ "I CARE, Change for the better" ขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มคนเหล่านี้ให้คนเมืองได้รับรู้ และหวังเชิญชวนให้ตระหนักถึงความห่วงใย ที่นอกจากจะมีให้กับตัวเองยังสามารถแบ่งปันความห่วงใยนั้นไปยังเพื่อนที่อยู่ร่วมในสังคมได้
คุณจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานด้านนโยบายและรณรงค์ องค์การอ็อกแฟม ประเทศไทย เปิดเผยว่า "สืบเนื่องจากปัญหาการทำประมงแบบผิดกฎหมาย ใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำแบบทำลายระบบนิเวศของท้องทะเลไทย ส่วนใหญ่บางที่มีการใช้สารฟอร์มาลีนเพื่อให้อาหารทะเลดูสดใหม่ ก่อนจะมาถึงผู้บริโภค ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทั้งชาวประมงพื้นบ้านและผู้บริโภคเอง เราจึงอยากกระตุ้นให้คนเมืองหันมาใส่ใจในคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนอาหารที่มาจากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ผ่าน กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ในนามโครงการ "คนจับปลา" ให้สามารถจับสัตว์น้ำทะเลที่มีคุณภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจัดจำหน่ายเองโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน และยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพที่ดีมั่นคงให้กับ "กลุ่มวานีตา" กลุ่มผู้หญิงที่สูญเสียผู้นำครอบครัว จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถกลับมายืนหยัดดูแลครอบครัวได้ต่อไป"
พร้อมกันนี้ ภายในงานยังเปิดตัวทูตโครงการ I CARE คนแรกของประเทศไทย ได้แก่ นักแสดงชื่อดัง "ชาคริต แย้มนาม" เพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่มาช่วยสื่อสารกับกลุ่มคนเมือง เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่มีผู้มีชื่อเสียงระดับโลกร่วมสนับสนุนมากมาย อาทิ ศิลปิน โคลด์เพลย์ (Coldplay) แอนนี เลนนิกซ์ (Annie Lennox) นักแสดงชื่อดัง โคลิน เฟิร์ธ (Colin Firth) เป็นต้น ซึ่งชาคริตมาโชว์ฝีมือทำเมนูจากวัตถุดิบของชาวประมงพื้นบ้าน นั่นคือ "ปลาน้ำดอกไม้ต้มเค็ม ใบมะขามอ่อนโหระพา" เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไปภายในงาน
ชาคริต แย้มนาม ทูตโครงการ "I CARE" เผยว่า "นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทางอ็อกแฟม เลือกให้ผมรับหน้าที่เป็นทูตในโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านที่กำลังได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมประมงขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องมือจับปลาแบบผิดกฎหมาย นอกจากส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแล้ว ยังทำลายวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือส่งเสริมและสนับสนุนวัตถุดิบที่มาจากชาวประมงพื้นบ้าน อย่างที่ร้านของผมจะใช้วัตถุดิบจากกลุ่มประมงพื้นบ้านที่สด สะอาด ปลอดจากสารเคมี เราควรให้กำลังใจพี่น้องเหล่านี้ ช่วยกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาและสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่น ซึ่งทางอ็อกแฟมมีการลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้ด้านการจัดการ วิธีการจัดเก็บที่สะอาด ปลอดภัย และหาช่องทางจัดจำหน่าย คาดว่าในอนาคตผมน่าจะได้มีโอกาสลงพื้นที่ใกล้ชิดกับชาวประมงพื้นบ้านเพื่อช่วยเหลือพวกเขาต่อไป"
ทั้งนี้ ภายหลังจากจบกิจกรรม "I Care, Change for the better" ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นที่น่ายินดีที่ประชาชนให้การตอบรับร่วมบริจาคสนับสนุนช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านและผู้หญิงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างท่วมท้น เป็นการร่วมส่งต่อความห่วงใยจากน้ำใจคนเมืองไปสู่พี่น้องชาวใต้ เพื่อสังคมที่น่าอยู่"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit