ทิสโก้มองหุ้นไทยเผชิญแรงปรับฐานระยะสั้น ก่อน Sideway Up รับอานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า เหตุความเสี่ยงการเมืองยุโรปทวีความรุนแรง

07 Mar 2017
กูรูทิสโก้มองตลาดหุ้นไทยปรับฐานระยะสั้น แต่ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ถึง 1,650 จุด จากแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เหตุความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปพุ่งสูงขึ้น จุดชนวน Fund Flow ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยด้วย แนะนำทยอยซื้อหุ้นที่ยัง Laggard ในกลุ่ม "สื่อสาร – รับเหมาฯ – โรงแรม – อสังหาฯ"
ทิสโก้มองหุ้นไทยเผชิญแรงปรับฐานระยะสั้น ก่อน Sideway Up รับอานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า เหตุความเสี่ยงการเมืองยุโรปทวีความรุนแรง

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) ให้มุมมองการลงทุนในงานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates ว่า แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะอยู่ในระดับที่แพงแล้ว แต่โดยภาพรวมยังอยู่ในภาวะ Sideway Up จากการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารที่ได้รับจากปัจจัยหนุนอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และกลุ่มพลังงานจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน โดยตลาดหุ้นที่ยังน่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน และอินเดีย

ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะ Overbought จากเงินลงทุนตราสารหนี้ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2560 นี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน มี.ค. นี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะปรับฐานลงจากความกังวลด้านการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และจะกลับขึ้นไปทำ New High ครั้งใหม่ โดยมีแนวโน้มที่ Fund Flow จะไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น (Emerging Market) จากปัจจัยความเสี่ยงด้านการเมืองในยุโรป

"หลังจบการลงปรับฐาน Fund Flow น่าจะไหลเข้ามาในเอเชีย ไทยอาจจะได้รับอานิสงส์ด้วย เหตุผลเพราะว่า ปัจจัยความเสี่ยงจากการเมืองในยุโรปจะเริ่มเข้ามามีน้ำหนักมากขึ้น โดยนอกจากอังกฤษจะเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือน มี.ค. แล้ว ยังมีการเลือกตั้งทั่วไปในเนเธอร์แลนด์วันที่ 15 มี.ค. นี้ ซึ่งพรรค Party for Freedom (PVV) ที่มีนโยบายออกจากสหภาพยุโรปก็มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส การเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนี ซึ่งจะมีขึ้นในช่วง เม.ย. - พ.ค. และ ก.ย. ตามลำดับ รวมถึงโอกาสที่จะมีการจัดการเลือกตั้งในอิตาลีในช่วงครึ่งปีหลัง" นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วง ม.ค. - ก.พ. ที่ผ่านมา เริ่มปรับตัวลดลงประมาณ -0.7% หลังจากที่ SET Index ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,600 แล้วจึงมีการปรับพอร์ตหลังสิ้นสุดช่วงประกาศผลประกอบการ ส่วนแนวโน้มในเดือน มี.ค. นี้ คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ก่อนจะ Sideway Up ไปแนวต้านที่ 1,575 หรือ 1,595 หากผิดคาด SET อาจลงต่ำกว่า 1,545 และลงไปสร้างฐานใหม่ที่ 1,520 แนะเข้าซื้อสะสมหุ้นที่ยังขึ้นน้อย (Laggard) อาทิ "กลุ่มสื่อสาร – รับเหมาก่อสร้าง – โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์" โดยปีนี้ SET Index น่าจะมีแนวรับ-แนวต้านอยู่ที่ 1,500-1,650

อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ มีการใช้นโยบายลดภาษีโอนเงินทุนบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ในต่างแดนกลับแผ่นดินแม่ (Repatriation Tax) กระตุ้นให้บริษัทที่สะสมเงินลงทุนในต่างประเทศเอาเงินกลับเข้าประเทศ และนโยบายกีดกันทางการค้า เช่นการจัดเก็บภาษีแบบ Border Adjustment Tax ซึ่งเป็นการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าและลดภาษีสินค้าส่งออก ทำให้ดุลการค้าสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยทั้งสองแนวคิดอาจจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates จะจัดเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญบรรลุเป้าหมายทางการเงิน นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการเป็น Top Advisory House ของทิสโก้