สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็น ประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2

05 Jun 2017
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2 อย่างเป็นทางการ ในวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2560 โดยมีนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และ กลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ตลอดจนคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ร่วมเฝ้าฯรับเสด็จ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็น ประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิด "โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2" ในวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2560 เวลา 15.00 น. โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2 อย่างเป็นทางการ ณ สวนอุตสาหกรรม บางกะดี จังหวัดปทุมธานีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ 2 เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมระบบ Co-generation ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยแต่ละโรงมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 114.6 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำของแต่ละโรง 40.0 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีลูกค้าอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 50 ราย อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้แต่ละโรงนี้ จะทำการจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อหนึ่งสัญญาต่อหนึ่งโรง ซึ่งมีการจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. และบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายให้กับ กฟผ. จะถูกนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในเขตสวนอุตสาหกรรมบางกะดี เพื่อเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความมั่นคงและประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่อุตสาหกรรม

นางปรียนาถ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตามที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 18,749.0 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซน้ำน้อย 2 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกะตำ 1 ในสปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 10 โครงการ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้วจำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,356.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำรวมเพิ่มขึ้นเป็น 500.0 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2,111.1 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 114.2 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 102.6 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม 16.0 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง 13.0 เมกะวัตต์ ภายในปลายปี 2564

HTML::image(