ทั่วโลกผนึกกำลังปกป้องสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ที่การประชุมไซเตส

          ณ ที่ประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES) ครั้งที่ ลักลอบค้าสัตว์ป่า7 ซึ่งมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมมากว่า ลักลอบค้าสัตว์ป่า8การค้าระหว่างประเทศ ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ที่จะนำไปสู่การช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับการต่อสู้กับขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกันกำหนดเป้าหมายและถ้อยแถลงเกี่ยวกับการซื้อขายสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า ที่มีถิ่นอาศัยในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง เช่น งาช้าง นอแรด ตัวนิ่มหรือตัวลิ่ม และเสือ
          ทั้งนี้ หนึ่งในข้อตกลงร่วมที่ทุกประเทศสมาชิกต่างเห็นพ้องตรงกัน คือการคงไว้ซึ่งกฎห้ามซื้อขายงาช้างและนอแรดระหว่างประเทศ และยังเพิ่มการคุ้มครองการค้าตัวนิ่มและนกแก้วแอฟริกันเกรย์ โดยประเทศเวียนนาม เป็นตลาดค้านอแรดที่ใหญ่ที่สุด ในแต่ละปีแรดแอฟริกาจำนวนมากต้องจบชีวิตลงเพื่อสังเวยความต้องการการบริโภคนอแรด ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติกดดันให้ประเทศเวียดนามและประเทศโมซัมบิกหาหนทางหยุดยั้งการค้านอแรดอย่างผิดกฎหมายภายในเวลา ลักลอบค้าสัตว์ป่า ปี มิฉะนั้นทางกลุ่มจะมีมาตราการลงโทษทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเรียกร้องให้ ประเทศซึ่งยังเปิดให้มีตลาดค้างาช้างอย่างถูกกฎหมายภายในประเทศ เช่น ประเทศไทย ดำเนินมาตรการทางกฎหมาย หรือวางกฎระเบียบกดดัน เพื่อปิดตลาดเหล่านั้นให้ได้โดยเร็วที่สุด
          อีกข่าวที่น่ายินดี คือรัฐบาลลาวประกาศจะปิดฟาร์มเสือในประเทศ และเพื่อให้แน่ใจว่าเสือจำนวน 7การค้าระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ตัวที่อยู่ในฟาร์มจะไม่ถูกส่งต่อไปยังตลาดค้าเสือในต่างประเทศ ทางการประเทศลาวจะนำเสือเหล่านี้ไปปล่อยกลับคืนสู่พื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายด้านชีวิภาพแห่งชาติ (National Biodiversity Conservation Areas) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้จำนวนเสือในป่าของประเทศลาวกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
          นอกจากนี้ หัวข้อการประชุมยังครอบคลุมไปถึงการกำหนดกฎระเบียบเรื่องการค้าปลาฉลามซิลกี ปลากระเบนปีศาจ รวมไปถึงพืชในตระกูลโรสวู๊ดให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น
นายเตียกเส็ง ผู้อำนวยการหน่วยอนุรักษ์ลุ่มแม่น้ำโขงของ WWF ให้สัมภาษณ์ว่า " เราได้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญในหลายประเด็น เช่น การค้างาช้าง นอแรด และเสือ จากการที่รัฐบาลทั่วโลกผนึกกำลังร่วมกันในการประชุมครั้งนี้ หลายประเด็นเป็นประเด็นที่ก้าวหน้ามากกว่าถ้อยแถลง โดยเฉพาะความจำเป็นในการปกป้องสัตว์ป่าที่ถูกคุกคาม อีกทั้ง ยังเป็นการช่วยเสริมพลังในการดำเนินงานและวางมาตรการบังคับด้านกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่ากฎระเบียบด้านการซื้อขายสัตว์ป่าจะเกิดการบังคับใช้จริงมากกว่าเป็นแค่เสือกระดาษ"
          ประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมยังให้การสนับสนุนกระบวนการทำงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ (National Ivory Action Plan: NIAP) ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงกับไซเตส โดยแผนปฎิบัติการนี้ จะช่วยทำให้เห็นช่องโหว่ของแต่ละประเทศในการควบคุมการค้างาช้าง รวมไปถึงช่วยยังยั้งการค้างาช้างที่จะเกิดขึ้น
          อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ หลายประเทศสมาชิกเริ่มหันมาใช้ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำประมงแบบยั่งยืน โดยไม่ทำร้ายปลาฉลามและปลากระเบน รวมไปถึงจำกัดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการทำฟาร์มเสือและการค้าสัตว์ป่าที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการนำสัตว์ป่ามาปลอมปนเพื่อการค้า
          คุณเทเรซ่า ฟรานซ์ หัวหน้าตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมจาก WWF กล่าวว่า "มีการพยายามต่อรองในที่ประชุม แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลของการประชุมคือการที่ทุกประเทศเห็นชอบร่วมกันที่จะลงมือป้องกันการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศ และช่วยกันตรวจสอบประเทศสมาชิกอื่นๆ ว่าได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ โดยต่อไปนี้ ทุกประเทศจะไม่มีข้ออ้างใดๆ เพราะมีเครื่องมือในการทำงานที่หลากหลายและมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น จึงถือเป็นความรับผิดชอบของทุกประเทศที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้"
          การประชุมครั้งนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกที่เปิดให้มีเวทีการสนทนาและยอมรับข้อสรุปในหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วนที่เกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่า เช่น ปัญหาคอร์รัปชั่น หรือการลดจำนวนความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ป่า 
          "การประชุมไซเตสครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมที่สำคัญและทรงพลังมากที่สุด จนอาจพูดได้ว่าเป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จที่สุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการจัดประชุมมา" คุณฟรานซ์กล่าว "ทุกประเทศทั่วโลกควรหันมาพิจารณากันอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในท้ายที่สุด"
 
 

ข่าวการค้าระหว่างประเทศ+ลักลอบค้าสัตว์ป่าวันนี้

อลิอันซ์ เปิดบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกหลังนโยบายทรัมป์ ชี้ทุกประเทศยังคงเผชิญแรงสั่นสะเทือน คาดไทยได้รับผลกระทบปานกลาง

กลุ่มอลิอันซ์ เปิดเผยบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกหลังนโยบายทรัมป์ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เข้มข้นขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวาระที่สอง ประกาศใช้มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (reciprocal tariffs) โดยตั้งเป้าเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดถึง 130% ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1890 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนการค้าระหว่างประเทศพุ่งสูงขึ้นทันที โดยเฉพาะในภาคยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิต และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ สหรัฐฯ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระ... DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที "THAIFEX - ANUGA ASIA 2025" — กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหอการค้าไทย แ...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัด... "พาณิชย์" จัดงาน Thai Night ส่งเสริมภาพยนตร์-บันเทิงไทยสู่สายตาชาวโลก — กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัดงาน Hong Kong Thai Night 2025 งานสร้างเคร...

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่... สสว. จัดงาน "ปลดล็อคความสำเร็จ SME" ปี 2568 — สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะจัดงานเผยแพร่นโยบาย/โครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการส่ง...