คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป กรณีคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายศิริโชค โสภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

          วันนี้ (7 ตุลาคม ๒๕๕๙) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ชี้แจงว่าตามที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายศิริโชค โสภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีแพร่ข่าวสู่สาธารณชน เมื่อปี สรรเสริญ พลเจียก553 ว่ารัฐบาลมีแนวคิดที่จะซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมหรือหุ้นของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) คืนจากบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเอื้อให้บุคคลบางกลุ่มได้รับประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ ทั้งนี้ มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้
          ประเด็นที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การเดินทางไปหารือกับบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด เกี่ยวกับเรื่องแนวคิดที่รัฐบาลจะซื้อคืนกิจการดาวเทียมไทยคม เป็นการปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่
          จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า แม้ว่าการซื้อ คืนกิจการดาวเทียมไทยคมไม่ได้มีกำหนดไว้ในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ สรรเสริญ พลเจียก9 ธันวาคม สรรเสริญ พลเจียก55อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกิจการดาวเทียมไทยคม อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งได้รับโอนกิจการดังกล่าวมาจากกระทรวงคมนาคม ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศและตามพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก545 พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก545 มาตรา 7สรรเสริญ พลเจียก (4) ประกอบ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก545 แต่กรณีการเดินทางไปหารือกับผู้บริหารของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด นั้น มีเหตุผลความเป็นมาสืบเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทำให้มีการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับลงวันที่ 7 เมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 และจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขึ้น โดยปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์พีเพิ้ลชาแนล (People Channel) ซึ่งใช้บริการช่องสัญญาณ Ku-Band ดาวเทียมไทยคม 5 ของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้ทำการเสนอข่าวที่เป็นการฝ่าฝืนตามข้อ สรรเสริญ พลเจียก ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก548 ดังนั้น ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย จึงได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กห รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง4รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง7.45/สรรเสริญ พลเจียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงวันที่ 6 เมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 ขอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แจ้งให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ยุติการส่งสัญญาณให้กับสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว และศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้มีหนังสือ ที่ กห รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง4รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง7.45/สรรเสริญ พลเจียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง9 ลงวันที่ 9 เมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 แจ้งให้ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ยุติการส่งสัญญาณให้กับสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวอีกด้วย แต่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือ ที่ ทค(ส) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง38/สรรเสริญ พลเจียก553 ลงวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสรรเสริญ พลเจียก เมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 ชี้แจงว่าไม่สามารถระงับสัญญาณการออกอากาศของสถานี โทรทัศน์พีเพิ้ลชาแนล (People Channel) ได้ โดยอ้างเหตุผลถึงข้อจำกัดทางเทคนิคและปัญหาที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาคัดค้านการระงับสัญญาณออกอากาศดังกล่าว
          ด้วยเหตุดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ จึงได้มีบัญชาให้นายกรณ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายศิริโชค ในฐานะเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อชี้แจงสถานการณ์ ให้ผู้บริหารของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยได้เดินทางไปในวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ7 เมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 และเข้าพบกับนายซี วาย แกน ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อรับทราบปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในและขอความร่วมมือในการหาแนวทางแก้ไขความมั่นคงของประเทศไทย นอกจากนี้ ได้มีการหารือร่วมกันเพิ่มเติมว่าแนวทางหนึ่งอาจจะเป็นการซื้อสินทรัพย์ดาวเทียมไทยคมคืนจากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นเพียงการพูดคุยหารือในเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่จำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมหลายประเด็น และได้กลับมารายงานให้นายอภิสิทธิ์ทราบ โดยไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือปรึกษาเพิ่มเติมกับบุคคลอื่นๆ อีก และผลที่สุดแล้วรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมคืนจากบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด แต่อย่างใด
          จากพยานหลักฐานดังกล่าว จึงรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย เป็นการปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ ข้อกล่าวหาในประเด็นนี้ไม่มีมูล
          ประเด็นที่ สรรเสริญ พลเจียก การให้สัมภาษณ์ข่าวของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย เรื่องแนวคิดที่รัฐบาลจะซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมคืนจากบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ เป็นการแพร่ข่าวอันเป็นเท็จหรือไม่
          ๒.๑ กิจการดาวเทียมไทยคมเป็นสัญญาสัมปทานที่อยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยดาวเทียมที่สร้างขึ้นต้องถูกโอนให้เป็นของรัฐบาลไทย และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นดาวเทียมไทยคม จึงมิใช่ทรัพย์สินของประเทศสิงคโปร์
          จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าดาวเทียมไทยคม เป็นกิจการที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (เดิมมีชื่อว่า บริษัท ชินวัตรแซทเทลไลท์ จำกัด) ได้ตกลงรับดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ตามที่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (เดิมมีชื่อว่า บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด) ได้ทำสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันยายน สรรเสริญ พลเจียก534 กับกระทรวงคมนาคม มีกำหนดระยะเวลา 3รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปี บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้รับสิทธิในการบริหารกิจการและการให้บริการวงจรดาวเทียม โดยยินยอมให้ดาวเทียมทุกดวงที่จัดตั้งขึ้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงที่เป็นคู่สัญญา ตามเงื่อนไขในสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ฉบับลงวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันยายน สรรเสริญ พลเจียก534 และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงฉบับที่ 6 ซึ่งปัจจุบันสัญญาดังกล่าวได้เปลี่ยนโอนมาอยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารแล้ว และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ8 มกราคม สรรเสริญ พลเจียก537
          แต่จากการตรวจสอบตามข้อมูลทะเบียนผู้ถือหุ้นและรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ7 มีนาคม สรรเสริญ พลเจียก553 ปรากฏชื่อบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับแรกมีสัดส่วนการถือหุ้น 4อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ4% จำนวน 45รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,87รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,934 หุ้น และตามข้อมูลทะเบียน ผู้ถือหุ้นและรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 9 มีนาคม สรรเสริญ พลเจียก553 ปรากฏชื่อบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับแรก มีสัดส่วนการถือหุ้น 54.43สรรเสริญ พลเจียก% จำนวน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,74สรรเสริญ พลเจียก,4รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง7,สรรเสริญ พลเจียก39 หุ้น และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่สอง มีสัดส่วนการถือหุ้น 4อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ.685% จำนวน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,334,354,8สรรเสริญ พลเจียก5 หุ้น โดยทั้งบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด กรณีนี้จึงสรุปความเกี่ยวพันได้ว่า ขณะเกิดเหตุเมื่อปี สรรเสริญ พลเจียก553 บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับแรกของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยการถือหุ้นผ่านทางบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยทางอ้อม 
          ๒.๒ ดาวเทียมไทยคมเป็นดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ จึงไม่เกี่ยวกับกิจการทางความมั่นคงตามที่ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย ได้แพร่ข่าว
          จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ากรณีที่ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย ให้สัมภาษณ์ข่าวต่อสื่อว่ารัฐบาลมีแนวคิดที่จะซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมคืนจากบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศนั้น เป็นการให้ข้อมูลตามความจริง เนื่องจากโดยแท้จริงแล้วบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด มีความเกี่ยวพันถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับแรกของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยถือหุ้นผ่านทางบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยทางอ้อมอีกชั้นหนึ่ง ส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของประเทศนั้น เป็นกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง เมื่อเดือนเมษายน สรรเสริญ พลเจียก553 ซึ่งสถานีโทรทัศน์พีเพิ้ลชาแนล (People Channel) ได้ทำการเสนอข่าวที่เป็นการฝ่าฝืนตามข้อกำหนดที่ออกใช้บังคับในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยทางหน่วยงานที่ควบคุมดูแลสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมหรือจัดการให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ยุติการส่งสัญญาณให้กับสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว จึงต้องขอความร่วมมือไปยังบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด
          จากพยานหลักฐานดังกล่าว จึงรับฟังไม่ได้ว่าการให้สัมภาษณ์ข่าวของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย เป็นการแพร่ข่าวอันเป็นความเท็จ ข้อกล่าวหาในประเด็นนี้ไม่มีมูล
          ประเด็นที่ 3 การให้สัมภาษณ์ข่าวของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย เป็นการเอื้อให้บุคคลบางกลุ่มได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือไม่
          จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าสภาพการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากทั้งด้านราคาและปริมาณการซื้อขาย ตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าของวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ4 มิถุนายน สรรเสริญ พลเจียก553 แต่การให้สัมภาษณ์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ และนายศิริโชค เป็นการให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว จึงน่าเชื่อว่าสภาพการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากข่าวที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ มิใช่เกิดจากการให้สัมภาษณ์ ประกอบกับนายอภิสิทธิ์ และนายศิริโชค ไม่ได้เริ่มต้นให้ข่าวเอง แต่เป็นการตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเท่านั้น การกระทำของนายอภิสิทธิ์ และนายศิริโชค จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา สรรเสริญ พลเจียก38 มาตรา สรรเสริญ พลเจียก39 หรือมาตรา สรรเสริญ พลเจียก4รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก535 ส่วนการให้สัมภาษณ์ข่าวของนายกรณ์ เมื่อวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ4 มิถุนายน สรรเสริญ พลเจียก553 นั้น เป็นการให้สัมภาษณ์หลังจากตลาดหลักทรัพย์ได้ปิดทำการซื้อขายแล้ว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ข้อมูลใหม่อย่างอื่น จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาตามมาตรา สรรเสริญ พลเจียก38 มาตรา สรรเสริญ พลเจียก39 หรือมาตรา สรรเสริญ พลเจียก4รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก535 
          นอกจากนี้ จากการสอบทานข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ถูกร้อง บุคลากรของกระทรวงการคลังและบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงบุคคลในคณะรัฐบาล ไม่พบว่ามีการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) พบเพียงบุคคลที่มีนามสกุลคล้ายกับบุคคลในคณะรัฐบาลซื้อขายหุ้น จำนวน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ6 ราย แต่ตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายแล้ว ไม่เข้าข่ายเป็นการใช้ข้อมูลภายในแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีผู้ต้องสงสัยที่ซื้อหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จำนวนมากในลักษณะน่าสังเกต จำนวน สรรเสริญ พลเจียก ราย นั้น จากผลการตรวจสอบไม่มีข้อมูลที่จะบ่งชี้ว่าเป็นการซื้อหุ้นอันฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในช่วงวันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ4-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ5 มิถุนายน สรรเสริญ พลเจียก553 ที่มีอัตราส่วนการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นกว่าปกติจนน่าสังเกตนั้น เป็นไปตามกลไกปกติของตลาดที่มีผู้ลงทุนจำนวนมากสนใจซื้อขายหุ้นนั้นในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ จากอิทธิพลของข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชนในขณะนั้น โดยไม่พบข้อมูล ที่แสดงว่ามีการสร้างราคาหลักทรัพย์โดยบุคคลใด จึงเห็นควรยุติการตรวจสอบกรณีดังกล่าว
          จากพยานหลักฐานดังกล่าว จึงรับฟังไม่ได้ว่าการให้สัมภาษณ์ข่าวของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ราย เป็นการเอื้อให้บุคคลบางกลุ่มได้รับประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ ข้อกล่าวหาในประเด็นนี้ไม่มีมูล
          คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้ง ๓ ราย มีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่ง หน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเผยแพร่ข่าวต่อสาธารณชนว่ารัฐบาลมีแนวคิดที่จะซื้อคืนกิจการดาวเทียมไทยคม ตามที่กล่าวหา จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป ให้ส่งรายงานไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาต่อไป ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. สรรเสริญ พลเจียก54สรรเสริญ พลเจียก มาตรา 54

          จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
 

ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง+อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะวันนี้

อสังหาฯ คึกคัก! มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดฉาก ย้ำบทบาทฟันเฟืองเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางมาตรการรัฐปลุกกำลังซื้อต้นปี 2568

มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดฉากยิ่งใหญ่ รวมโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 150 ราย พร้อมด้วยสถาบันการเงินชั้นนำ ผนึกกำลังกระตุ้นกำลังซื้อต้นปี 2568 ท่ามกลางปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐที่เตรียมออกมากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดเงินสะพัด 4,000ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 23 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุม

ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิ... ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น" มากสุดเป็นประวัติการณ์ — ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น"...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐม... 19 ปีแห่งความภูมิใจ ปตท. คว้า 6 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น มุ่งดำเนินธุรกิจยั่งยืนอย่างสมดุล — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค...

นายภูวนารถ ณ สงขลา บรรณาธิการบริหาร สำนัก... บางกอกทูเดย์จัดเสวนา "2568 สัญญาณอันตรายรัฐบาล ในสายตากูรูการเมือง" — นายภูวนารถ ณ สงขลา บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวบางกอกทูเดย์ เป็นประธานจัดงานฉลองครบรอบ...

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคา... "ผยง ศรีวณิช" คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 ชูความสำเร็จนำนวัตกรรม ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน — นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย รั...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมน... EXIM BANK คว้ารางวัล Bank of The Year 2024 สุดยอดธนาคารแห่งปี 2567 — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัล ...

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายระเฑียร ศรีมงคล ประธาน... ระเฑียร ศรีมงคล คว้าศิษย์เก่าดีเด่น TBS 2024 ตอกย้ำวิสัยทัศน์การเงินยุคใหม่ — เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. (กลาง) รับรา...

นายพิชัย ชุณหวชิร(กลาง) รองนายกรัฐมนตรีแล... หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ จัดงาน Thailand Outlook : Where Policy Meets Progress — นายพิชัย ชุณหวชิร(กลาง) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกี...