จีอีเดินหน้าขยายธุรกิจโซลูชั่นด้านพลังงาน พร้อมสนับสนุน แผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย

06 Jul 2016
· ความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับอัลสตอม เพาเวอร์ แอนด์ กริด ทำให้จีอีมีเทคโนโลยี ด้านพลังงานที่ครบวงจร

· พลิกโฉมครั้งสำคัญสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทางอุตสาหกรรม

ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทยมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นจาก 37,612 เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2557 เป็น 70,335 เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2579 โดยแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2015) กำหนดเป้าหมายไว้ว่าจะลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตกระแสไฟฟ้าให้เหลือเพียงราวร้อยละ 30 - 40 และหันไปเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนขึ้นเป็นร้อยละ 15-20 รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของถ่านหินเป็นร้อยละ 20-25

นายโกวิทย์ คันธาภัสระ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จีอี ประเทศไทย ลาว และเมียนมา กล่าวว่า "ปัจจุบันจีอีให้ความสำคัญและเน้นการเป็นบริษัทอุตสาหกรรมที่จะสามารถตอบสนองความต้องการไฟฟ้าของประเทศได้มากขึ้น จีอีมีโซลูชั่นที่ล้ำสมัยหลายรูปแบบที่พร้อมตอบสนองความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอย่างมีเสถียรภาพ ครบครันด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซและถ่านหิน เครื่องกังหันผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำและพลังงานลมที่อยู่บนบกจนถึงโรงไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าเร่งด่วน

การเข้าซื้อธุรกิจด้านพลังงานจากอัลสตอมครั้งนี้นับเป็นการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีอีและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการเสริมศักยภาพให้จีอีเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่บริษัทระดับโลกที่สามารถนำเสนอโซลูชั่นให้โรงไฟฟ้าได้อย่างครบวงจรไม่ว่าจะเป็นการผลิตกระแสไฟฟ้า ระบบกริด และการใช้พลังงานทดแทน

โซลูชั่น Fast Power TM2500 ของจีอีเป็นเสมือนโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่ซึ่งสามารถติดตั้ง ใช้งาน และสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเครื่องกังหันก๊าซรุ่นล่าสุด H class ก็โดดเด่นเพราะสามารถสร้างสถิติโลกจากประสิทธิภาพการทำงานที่สูงถึงร้อยละ 62 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในโลก ช่วยลดทั้งต้นทุนการผลิตและการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศ

ปัจจุบัน จีอีผลิตเครื่องกังหันลมหลายรุ่นเพื่อรองรับสภาพลมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกังหันลมที่มีสมรรถนะในการผลิตกระแสไฟฟ้าในระดับต่างๆ จากที่มีกำลังการผลิต 1.7 เมกะวัตต์จนถึง 3.4 เมกะวัตต์ (สำหรับทุ่งกังหันลมบนบก) และขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ (สำหรับทุ่งกังหันลมนอกชายฝั่ง)

นายโกวิทย์กล่าวว่า "เราเชื่อว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ลูกค้าก็จะยังคงต้องการเทคโนโลยีที่มีคุณภาพที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเสียและมีเสถียรภาพมากขึ้น ลูกค้าจะมองหาสิ่งที่ช่วยให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดการปล่อยก๊าซเสียให้อยู่ในระดับต่ำสุด นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือ และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงาน"

โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโลกใช้เทคโนโลยีระดับสูงของจีอี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 49 ขณะที่ค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าทั่วไปในโลกจะอยู่ที่ร้อยละ 33 เท่านั้น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแต่ละหน่วย หมายถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่จะลดลงตลอดอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้านั้นๆ นอกจากนี้แล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึงร้อยละ 2

ผลิตภัณฑ์ของจีอีมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเสียลงอีกจนถึงระดับที่เท่ากับหรือมากกว่าที่ข้อบังคับที่เข้มงวดที่สุดของโลกได้กำหนดไว้ การปล่อยก๊าซเสียลดลงได้มากเท่าไรย่อมมีผลต่อการเพิ่มคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นให้กับชุมชนในท้องถิ่นได้มากขึ้นเท่านั้น และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ระบบควบคุมคุณภาพอากาศของจีอีสามารถลดการปล่อยก๊าซเสียลงได้ถึงร้อยละ 70 ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซเสียได้มากกว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันที่ทางการจีนบังคับใช้อยู่

"จีอีมุ่งมั่นสนับสนุนรัฐบาลไทย ภาคธุรกิจของไทย และชาวไทยมาโดยตลอดในฐานะพันธมิตรด้านพลังงาน การขนส่ง การบิน และสาธารณสุข เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบไฟฟ้าให้แก่ชาวไทยดังจะเห็นได้จากที่ปัจจุบันร้อยละ 30 ของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดในประเทศไทยเป็นการผลิตด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิตไฟฟ้าของจีอี" นายโกวิทย์กล่าว

จีอีบูรณาการประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าเข้ากับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการเทคโนโลยีที่ครบวงจรมากที่สุดในอุตสาหกรรมพลังงาน ปัจจุบันมีกังหันก๊าซและกังหันไอน้ำของจีอีกว่า 10,000 เครื่องได้รับการติดตั้งและผลิตกระแสไฟฟ้ามากกว่า

1,000 กิกะวัตต์เพื่อจ่ายให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคการพาณิชย์ และผู้บริโภคทั่วไปในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ จีอียังนำประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมและความเชี่ยวชาญด้านข้อมูล ขนาดใหญ่มารวมกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

"เรากำลังเปลี่ยนวิธีเพิ่มประสิทธิภาพและวิธีลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้า หลังจากที่ซื้อธุรกิจด้านพลังงานจากอัลสตอม จีอีสามารถจัดหาอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าจากคู่ค้าใหม่ๆ มาให้บริการกับลูกค้าได้มากขึ้น และยังสามารถช่วยให้ลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าสู่ระดับสูงสุดด้วยการใช้เชื้อเพลิงได้จากทุกแหล่ง นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีโซลูชั่นและบริการด้านซอฟต์แวร์ดิจิทัลสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ได้นำเอาเครื่องจักร ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลเชิงลึก และผู้ปฏิบัติงานมารวมกันเพื่อขับเคลื่อนการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ และนำประโยชน์ที่ได้จากข้อมูลไปใช้เพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลกำไร" นายโกวิทย์กล่าว

หัวใจของกระบวนการดังกล่าวคือแพลทฟอร์ม Predix ของจีอี ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติที่ทำงานบนคลาวด์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานในวงการอุตสาหกรรมเป็นรายแรกของโลก Predix เป็นซอฟต์แวร์ที่ทรงพลัง ทำงานสม่ำเสมอ ปลอดภัย และปรับขนาดการทำงานได้ตามต้องการ ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากสมรรถนะการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ได้แบบอัจฉริยะ Predix ยังได้รับการออกแบบให้สามารถบ่งชี้ปัญหา ตรวจสอบช่องโหว่ และปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ตลอดจนควบคุมให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

ในปี พ.ศ. 2557 โซลูชั่นผลิตกระแสไฟฟ้าแบบดิจิทัลของจีอีช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ มากถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะสามารถคาดการณ์ปริมาณการผลิตได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถตรวจพบอุปกรณ์ที่ขัดข้องได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น นับได้ว่าซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลของจีอีไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาด้วย

"ลำพังแค่การผลิตกระแสไฟฟ้าให้ได้มากขึ้นนั้น ยังไม่เพียงพอต่อการผลักดันให้ประเทศมีความเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การผลิตกระแสไฟฟ้าต้องสามารถใช้แหล่งพลังงานที่หลากหลายผสมผสานกันได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำ

ที่มีอยู่ เทคโนโลยีของจีอีจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านการใช้แหล่งพลังงานที่หลากหลายได้อย่างประหยัด มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในด้านระบบนิเวศน์นั้น จีอีนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซออกไซด์จากไนโตรเจนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีของจีอีสามารถช่วยให้ลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น"นายโกวิทย์กล่าวสรุป