แพทย์หญิงรัศนี อัครพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังและความงามโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น ซึ่งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ที่ทำงานด้วยการส่งคลื่นความเย็นในอุณหภูมิ 4-7 องศาเซลเซียส ลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมันด้วยความเย็นที่คงที่จะทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและเริ่มทำลายตัวเองภายใน 3 วัน โดยเซลล์ไขมันจะตายแบบธรรมชาติ หลังจากนั้นภายใน 14 วันจะเริ่มถูกกำจัดออกจากร่างกายทางระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นวิธีการขจัดไขมันแบบถาวร ไม่ทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง และไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เทคโนโลยีนี้จึงเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัวและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเหมือนการผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์และประเมินรูปแบบการสลายไขมันด้วยคลื่นความเย็นเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อีกทั้งตัวเครื่องจะปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก่อนที่จะส่งคลื่นความเย็นเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อขจัดเซลล์ไขมันเท่านั้น
โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้เปิดให้บริการ Coolsculpting กับผู้ที่มีปัญหาไขมันบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เพื่อช่วยยกกระชับสัดส่วนและสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเจาะ ไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น โดยทีมแพทย์จะทำการประเมินพื้นที่สำหรับกำจัดไขมัน จากนั้นจะติดตั้งเครื่องมือเข้ากับผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษา เครื่องจะปล่อยคลื่นความเย็นต่อเนื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 60 นาทีช่วงเวลา 5-10 นาทีแรก คนไข้จะรู้สึกตึงหรือบีบรัดในบริเวณที่ทำการรักษา และอาจจะมีความรู้สึกเย็นในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่อาการจะเบาบางลงจนกลายเป็นอาการชา ซึ่งระหว่างทำการรักษาสามารถผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือเล่มโปรด ดูโทรทัศน์ หรือฟังเพลงไปพร้อมๆ กันได้
แพทย์หญิงรัศนี กล่าวว่า เมื่อเซลล์ไขมันถูกคลื่นความเย็นก็จะค่อยๆ สลายตัว และถูกร่างกายขับออกไปในที่สุด ซึ่งโดยเฉลี่ยชั้นไขมันที่ถูกกำจัดด้วยเทคนิค Coolsculpting จะลดลงได้ประมาณ ร้อยละ 20 และลดลงได้อีกหากทำซ้ำในบริเวณเดียวกัน Coolsculpting มีประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันได้ถึงร้อยละ 20-25 และปรากฏผลใน 3 สัปดาห์ โดยจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในเดือนที่ 3 หลังจากเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกไปชั้นไขมันใต้ผิวหนังจะเกิดการจัดเรียงตัวใหม่และบางลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังเรียบเนียน สัดส่วนจะกระชับขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการรักษาที่ไม่ใช่การผ่าตัดหรือเจาะ จึงไม่มีบาดแผล ไม่ต้องฉีดยาหรือใช้ยาชาเฉพาะจุด ทำให้ผู้รับการรักษาไม่ต้องพักฟื้นและสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมและต้องการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน อาทิ คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดและกระชับสัดส่วน ผู้ที่มีหน้าท้องและไขมันส่วนเกินบริเวณเอว สะโพก ต้นขา ปีกหลังใต้วงแขน และใต้คาง แต่หากต้องการให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาจใช้เทคโนโลยีอื่นในการรักษาควบคู่กันไป เช่น เทคโนโลยี Exilis Elite ที่ช่วยในการยกกระชับและสร้างความเรียบเนียนให้กับผิวมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้ที่แพ้ความเย็น มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ตลอดจนผู้ที่ติดอุปกรณ์ใดๆ ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ ควรหลีกเลี่ยง ส่วนผู้ป่วยที่เพิ่งรับการผ่าตัดบริเวณที่จะทำการรักษา ควรหลีกเลี่ยงจากการทำ Coolsculpting ในช่วง 8 เดือนแรก อย่างไรก็ตาม การมีสุขภาพที่ดีและมีสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจนั้น ทำได้โดยเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น ออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ตามความชื่นชอบเพราะจะทำได้นานและสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันพอกพูนมากขึ้น ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มที่มีรสหวาน เน้นทานผักผลไม้ และงดรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีมันมาก ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งเรือนร่าง สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย บนใบหน้า ลำคอ ต้นแขน และหน้าท้อง ที่ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยโดย บริษัท แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-732-6069-70
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit