ยนตกรรมรุ่นใหม่จากปอร์เช่: เครื่องยนต์เปี่ยมสมรรถนะใหม่ล่าสุดสำหรับปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) พละกำลังเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบใหม่: ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan)

22 Mar 2016
ปอร์เช่เพิ่มทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับรถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดคอมแพ็ค (Compact SUV) ด้วยการเปิดตัวปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบ ซึ่งได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อยานยนต์สปอร์ตในเรือนร่างของ SUV โดยเฉพาะการเปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบสื่อสารและความบันเทิงเหนือระดับ Porsche Communication Management (PCM) ใหม่ ในปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne)

เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จขนาดความจุ 2.0 ลิตร ใหม่ ซึ่งได้รับการติดตั้งลงในปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 252 แรงม้า (185 กิโลวัตต์) ที่ 5,000 ถึง 6,800 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะคลัทช์คู่ PDK 7 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับ มาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ผลลัพธ์คือ ประสิทธิภาพการทำงานจากเครื่องยนต์ที่สร้างสรรค์อัตราเร่งอันสุดแสนเร้าใจ จากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 6.7 วินาที และเมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพื่อเสริมสมรรถนะด้วยชุดแต่งสปอร์ต โครโน (Sport Chrono-Package) สามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นภายใน 6.5 วินาทีเท่านั้น ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 229 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้ความประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ระหว่าง 13.5-13.8 กิโลเมตร/ลิตร (7.4-7.2 ลิตร/100กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน NEDC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของล้อและยางรถยนต์ที่ติดตั้งกับตัวรถอีกด้วย สมรรถนะสปอร์ตจากเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ

พละกำลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงนอน ได้รับการพัฒนาและออกแบบขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เป็นเลิศ ด้วยอัตราการบูทแรงดันอากาศจากเทอร์โบชาร์จสูงสุดกว่า 2.0 บาร์ ทำหน้าที่ประจุไอดีให้แก่เครื่องยนต์อย่างเหมาะสม ระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ (petrol direct injection) และ ระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus ปรับระยะการทำงานของเพลาลูกเบี้ยวทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย พร้อมควบคุมระยะยกวาล์วไอเสียอย่างต่อเนื่อง และให้แรงบิดมหาศาลถึง 370 นิวตันเมตรที่รอบการทำงานของเครื่องยนต์ระหว่าง 1,600 ถึง 4,500 รอบต่อนาที

เฉกเช่นเดียวกับปรัชญาการออกแบบรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ยังคงไว้ซึ่งความสามารถอันยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดพละกำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์ ให้ตอบรับสไตล์การขับขี่และบังคับควบคุมแบบสปอร์ตด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Porsche Traction Management PTM พร้อมการทำงานของระบบช่วงล่างประสิทธิภาพสูงและระบบพวงมาลัยที่แม่นยำ มั่นใจได้ในทุกสภาวะ เหนือกว่าด้วย ระบบช่วงล่าง air suspension ปรับระดับความสูงอัตโนมัติและระบบควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PASM สามารถสั่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ และด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 1,770 กิโลกรัม ส่งผลให้ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ SUV ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ปอร์เช่เคยสร้างขึ้น ส่งผลต่อการบังคับควบคุมและการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับยิ่งกว่า ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกชั้นเลิศ

โดดเด่นและสง่างามยิ่งขึ้น ไม่เพียงจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่รวมไปถึงคุณภาพของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในที่ยอดเยี่ยม สร้างความแตกต่างอย่างมีสไตล์ แสดงออกถึงตัวตนของยนตกรรมสปอร์ต SUV พลังแรงอย่างเห็นได้ชัด ชิ้นงานตัวถังได้รับการตกแต่งด้วยสีดำตลอดแนวกระจกด้านข้าง คาลิเปอร์เบรก และล้ออัลลอยด์รมดำขนาด 18 นิ้ว ติดตั้งปลายท่อไอเสียสแตนเลสขัดเงาที่มุมกันชนท้ายทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลาย ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเทียบเท่ากับ มาคันน์ เอส (Macan S) อาทิเช่น เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่แบบ comfort ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หุ้มด้วยวัสดุ Alcantara บริเวณกึ่งกลางเบาะ ระบบสื่อสารและความบันเทิง Porsche Communication Management (PCM) ใหม่ ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนช่องทางจราจร (lane-departure warning system) และ ฝาท้ายควบคุมการเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ใหม่นี้ กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือน มิถุนายน 2016

สามารถติดตามภาพข่าวเพิ่มเติมได้ที่ Porsche newsroom (http://newsroom.porsche.de.) และสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเนื้อข่าวในรูปแบบออนไลน์ ท่านสามารถติดตามได้ที่ ฐานข้อมูล สำหรับสื่อมวลชน (http://presse.porsche.de)

ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.5–13.8 กิโลเมตร/ลิตร (7.4-7.2 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 emissions 172–167 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) (รุ่นปี 2017): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.8–16.3 กิโลเมตร/ลิตร (9.6-6.1 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยไอเสีย CO2 emissions 216–159 กรัม/กิโลเมตร