เมื่อเดินทางมาถึงบ้านครูธานีเราได้รับการต้อนรับด้วยกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า บวกกับบรรยากาศอันสดชื่นจากธรรมชาติ ก่อนเริ่มกิจกรรมครูธานีได้บรรยายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของที่นี่ จากนั้นก็มาเรียนรู้กิจกรรม ข้าวเปลือกสู่ข้าวสาร แบบทุกขั้นตอน อาทิ การตำข้าวด้วยกระเดื่อง, การใช้ครกตำข้าว, การฝัดข้าว และการใช้เครื่องฝัดข้าว หลังจากนั้นเราได้แบ่งผู้ร่วมทริปเป็น 2 ทีม ให้แยกย้ายไปเก็บผักสวนครัวและไข่ไก่ เพื่อนำมาเข้าครัวประกอบอาหารกลางวันทานกันในแต่ละทีม ในขณะที่ตัวแทนของแต่ละทีมกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารในครัวแล้ว ลูกทีมบางส่วนก็แยกย้ายไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถอีแต๊กชมภายในชุมชน วนดูแปลงนาของชาวบ้าน, ทดลองโม่แป้ง และ พายเรือเล่นในคลองภายในบ้านครูธานี จากนั้นก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องมาล้อมวงทานอาหารกลางวันที่ทีมของตนเองได้ลงมือทำ ซึ่งทุกคนต่างทานกันอย่างเอร็ดอร่อย (ไม่รู้อาหารอร่อย หรือ หิวกันแน่) เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาเตรียมตัวไปดำนา และจับปลาในนา แต่ก่อนที่จะไปดำนานั้น ครูธานีได้มาให้ความรู้เรื่องควายกันก่อน รู้จักส่วนประกอบของไถ ถึงตรงนี้ครูธานีใจดี ให้ผู้ร่วม ทริปได้ลองขี่ควายกันด้วย เสร็จจากการได้ความรู้เรื่องควายแล้วจากนั้นก็เดินเท้าเปล่าลุยไปยังทุ่งนา ก่อนจะลงมือดำนา ครูธานีสาธิตวิธีปักต้นกล้า เมื่อทุกคนรู้วิธีทำแล้วต่างก็ไถตัวจากคันนาลงไปในบ่อโคลนที่เตรียมไว้ให้ เมื่อครูธานีให้สัญญาณทุกคนต่างลงมือดำนากันอย่างสนุกสนานบางคนก็บอกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ลงมือดำนาจริงๆ บางคนก็บอกว่าถึงจะเคยดำนากันมาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้ได้มาทำกันเป็นครอบครัวก็รู้สึกสนุกและประทับใจ กิจกรรม ยังไม่หมดเพียงเท่านี้เรายังได้ให้ผู้ร้วมทริปแข่งกันจับปลาในนา งานนี้ต้องบอกว่าเละกันทุกคน ทั้งดารา และผู้ร่วมทริปต่างก็แข่งกันอย่างเอาจริงเอาจัง หน้าตาเต็มไปด้วยโคลน เสื้อผ้าที่ใส่มาถึงกับต้องทิ้งกันไปเลยทีเดียว
เสร็จจากดำนา จับปลาแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ หลังสบายเนื้อสบายตัวแล้วก็รวมตัวมาทานของว่างก่อนกลับทุกคนได้ขอบคุณครูธานีที่เปิดประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ๆ ที่คนเมืองหาไม่ได้ สำหรับแฟนๆ รายการ "168 ชั่วโมง" ที่อยากเข้าร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมครั้งต่อไปได้ทางรายการ "168 ชั่วโมง" ทุกวันเสาร์ หลังเที่ยงคืน ทางหน้าจอช่อง 3
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit