นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน และโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในการเปิดให้หน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร คาดว่าจะมีหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เข้ายื่นคุณสมบัติเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) เฟสแรกไม่น้อยกว่า 1,000 ราย หรือกำลังผลิต 5,000 เมกะวัตต์ จากเป้าหมายรวม 600 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ได้ตามกำหนด ภายในเดือนก.ย. 2559 และมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในปี 2559 ให้ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
"โครงการโซลาร์ฟาร์ม เป็นตัวอย่างที่ดีมากในทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่นอกจากจะร่วมกันผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสร้างความมั่นคง ยังจะลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ยังสร้างสวัสดิการข้าราชการ และเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเม็ดเงินลงทุนใหม่อีกไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบเวลา ที่พร้อมจะจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ได้ภายในกันยายนปี 2559"
กกพ. ได้จัดทำโครงการสรรหาผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินโดยวางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวรวม 800 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งเปิดให้หน่วยงานราชการ และสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศเข้ายื่นโครงการฯเพื่อขอรับอนุญาต โดยแบ่งเป็นสองเฟส ได้แก่ เฟสแรก 600 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นหน่วยราชการ 300 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตร 300 เมกะวัตต์ เป็นเขตพื้นที่การไฟฟ้านครหลวงรวม 200 เมกะวัตต์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครวม 389 เมกะวัตต์ และกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ 11 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เปิดให้ยื่นคุณสมบัติฯ ในวันที่ 1 - 10 พฤศจิกายน 2558 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 16.00.น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ ณ อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น G (บริเวณหน้าร้านภูฟ้า) ถนนพญาไท กรุงเทพฯ
ขั้นตอนหลังจากนี้จะสามารถประกาศผลการพิจารณาผู้ผ่านคุณสมบัติฯ ได้ในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 ก่อนเข้าสู่กระบวนการจับสลากเพื่อรับสิทธิ์ในวันที่ 15 ธันวาคม 2558 2558 ระหว่างเวลา 09.00 – 15.00 น. ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หลักสี่ กรุงเทพฯ โดยกำหนดที่จะประกาศผล ผู้ประกอบการทั้งสองประเภทพร้อมกัน อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ธันวาคม 2558
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit