"ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 47.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ ปตท . สามารถรักษาระดับการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูได้จากปริมาณการขายที่ยังคงเพิ่มขึ้น ช่วยให้ EBITDA ลดลงเพียงร้อยละ 8.8" นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ เพิ่มเติมว่า "เนื่องด้วยราคาน้ำมันที่ลดลงดังกล่าวและมีแนวโน้มที่อาจฟื้นตัวช้า ดังนั้น ปตท.สผ.จึงรับรู้ด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 49,893 ล้านบาท ซึ่ง ปตท. ในฐานะบริษัทแม่ที่ถือหุ้นร้อยละ 65 ทำให้ต้องรับภาระการด้อยค่าทางบัญชี เช่นกัน ทำให้กำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนนี้ มีจำนวน 19,748 ล้านบาท ลดลง 64,737 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 76.6 จาก 84,485 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวของปีก่อน ทั้งนี้ผลประกอบการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและกระแสเงินสดของ ปตท. โดยหากไม่รวมผลการด้อยค่าทางบัญชี ผลประกอบการของ ปตท.และบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนนี้ มีจำนวน 55,891 ล้านบาท ลดลง 29,339 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 34 จาก 85,230 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวของปีก่อนในงวดนี้"
ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ปตท. และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2,226,180 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,138,407 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,087,773 ล้านบาท
คุณวิรัตน์ กล่าวว่า ปตท. ยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดประมาณ 70,000 ล้านบาท พร้อมพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในราคาที่เหมาะสม เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศชาติต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit